ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำของโลกถึง 3 แห่งในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.18% สู่ระดับ 98.219 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.14% สู่ระดับ 1.176 เทียบยูโร และร่วงลง 0.48% สู่ระดับ 155.06 เยน
สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่คึกคักสำหรับตลาดการเงิน เนื่องจากจะมีการจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปี 2568 ของธนาคารกลางชั้นนำของโลกถึง 3 แห่ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นำร่องด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 18 ธ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะจัดการประชุมในวันที่ 19 ธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งจะมีการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในการประชุมรอบนี้ โดยคาดกันว่า ECB จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.15% ขณะที่ BOE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย สู่ระดับ 3.75% หลังเงินเฟ้อชะลอตัว ส่วน BOJ จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.50% หลัง BOJ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นเตรียมปรับขึ้นค่าจ้างในปีงบการเงิน 2569 ในอัตราเดียวกับปี 2568
ด้านคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 9-3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ตามการคาดการณ์ของตลาด
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2570
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เนื่องจากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่จำกัด อันเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
นอกจากนี้ การที่นายเจอโรม พาวเวล จะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค.2569 ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่านายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ อาจมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 เนื่องจากนายแฮสเซตต์เป็นผู้ที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
'แนวทางชี้นำของเฟดอาจบอกเราได้น้อยกว่าปกติเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ'
'ประการแรก เฟดรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันน้อยกว่าปกติ เพราะการปิดหน่วยงานของรัฐบาลทำให้เกิดความล่าช้าต่อการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ'
'ประการที่สอง แนวทางชี้นำของเฟดไม่ได้สะท้อนว่าการดำเนินนโยบายการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังวาระการดำรงตำแหน่งของนายพาวเวลสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2569'
'ปี 2569 จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ของเดือนธันวาคม แทนที่จะปรับลดน้อยกว่า' นายบิล อดัมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Comerica Bank กล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2569 แม้รายงาน Dot Plot ของเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนเม.ย.และก.ย.ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2569