ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (29 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.01% แตะที่ 98.035
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7896 ฟรังก์ จากระดับ 0.7891 ฟรังก์ในวันศุกร์ (26 ธ.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3684 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3672 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 156.03 เยน จากระดับ 156.50 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1767 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1777 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3507 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3500 ดอลลาร์
เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรายงานสรุปความคิดเห็นของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า BOJ จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
BOJ เปิดเผยรายงานสรุปความคิดเห็น (Summary of Opinions) ของกรรมการ BOJ เมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 18-19 ธ.ค. ที่ผ่านมา กรรมการ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แม้ว่า BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้แล้วก็ตาม โดยกรรมการคนหนึ่งเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในทุก ๆ 2-3 เดือน ซึ่งเป็นการเน้นย้ำว่า BOJ ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
รายงานสรุปความคิดเห็นดังกล่าวระบุว่า กรรมการบางคนของ BOJ มองว่าอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าและเพิ่มแรงกดดันด้านราคา โดยรายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการหารือเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
นักลงทุนรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2569 ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2569
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานล่าสุด สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย