เมื่อเวลา 07.20 น.ตามเวลานิวยอร์ก ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3761 ยูโร และแข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.54 เยน
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนหลังจากหลังจากนางเยลเลนกล่าวว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีนี้
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดในครั้งนี้ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนม.ค.บ่งชี้ว่า การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในระยะเวลาหลายเดือนในช่วงฤดูหนาว ซึ่งบางส่วนสะท้อนถึงสภาพอากาศที่เลวร้าย ขณะที่ปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานปรับตัวแตกต่างกัน แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับสูง การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจมีความคืบหน้า
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 83.34 ยูโร หลังจากทางการอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษคาดว่าจะขยายตัว 2.7% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2.4% ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.3% ในปี 2558 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2.2% ส่วนเศรษฐกิจปี 2559 คาดว่าจะขยายตัว 2.6%
นอกจากนี้อังกฤษยังคาดการณ์ว่าจะมีการสร้างงาน 1.5 ล้านตำแหน่งใน 5 ปีข้างหน้า และจะเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีที่อังกฤษมีอัตราจ้างงานสูงกว่าสหรัฐอเมริกา
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ จากนั้นในเวลา 21.00 น. สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ. และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนมี.ค.