ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2489 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2527 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5974 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5991 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 113.78 เยน เทียบกับระดับ 112.29 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9650 ฟรังค์ จาก 0.9626 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8795 ดอลลาร์
แนวโน้มการขยายตัวช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกลางปี 2558 แม้เฟดได้สร้างความมั่นใจว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานาน หลังจากที่ประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรไปเมื่อปลายเดือนต.ค.
เมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะยังคงเป็นแกนหลักสำคัญในการหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี PMI เดือนต.ค.แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีจะลดลงมาอยู่ที่ราว 56.0
ขณะเดียวกัน ค่าเงินยูโรและเงินเยนต่างก็ได้รับแรงกดันจากการดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้นของอีซีบีและบีโอเจ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว อีซีบีได้เริ่มแผนการที่จะซื้อตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพ (covered bonds) จากธนาคารพาณิชย์ และจะซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน
ทางด้านบีโอเจก็ได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการปรับเพิ่มเป้าหมายสำหรับการขยายฐานเงินมาอยู่ที่ราว 80 ล้านล้านเยนต่อปี เพื่อสกัดการคาดการณ์เงินฝืด