ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะยูโร-ปอนด์อ่อนค่าจากปัจจัยกดดันทางการเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 23, 2018 08:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) ขณะยูโรอ่อนค่าลงท่ามกลางความขัดแย้งด้านงบประมาณระหว่างรัฐบาลอิตาลีกับสหภาพยุโรป ส่วนปัจจัยเบร็กซิตได้ส่งผลให้เงินปอนด์ปรับตัวลดลง

ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.1466 ดอลลาร์ จาก 1.1510 ดอลลาร์ ส่วนปอนด์อ่อนค่าสู่ระดับ 1.2971 ดอลลาร์ จาก 1.3065 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าแตะ 0.7083 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7118 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าสู่ระดับ 112.80 เยน จาก 112.60 เยน ขณะอ่อนค่าแตะ 0.9961 ฟรังก์สวิส จาก 0.9971 ฟรังก์สวิส และลดลงสู่ระดับ 1.3103 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3116 ดอลลาร์แคนาดา

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะระดับ 96.0156 เมื่อคืนนี้

เงินยูโรได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณของอิตาลี โดยเมื่อคืนวันศุกร์ มูดี้ส์ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ Baa3 จาก Baa2 โดยให้เหตุผลเรื่องตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน กระแสที่แรงขึ้นเกี่ยวกับการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอิตาลี หรือ Italexit นั้น อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอิตาลีกับยุโรปตึงเครียดมากขึ้นไปอีก จากปัจจุบันที่มีความขัดแย้งเรื่องงบประมาณกันอยู่

ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีได้ส่งร่างงบประมาณแก่ EU ในคืนวันจันทร์ที่แล้ว โดยรัฐบาลอิตาลีต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า โดยถึงแม้ EU กำหนดให้ประเทศสมาชิกมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP แต่อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก

เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบสามสัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดจับตาการแถลงต่อสภาสามัญชนของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในการนำสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หลังจากที่ได้เผยก่อนหน้านี้ว่า ข้อตกลงดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 95%

โดยระหว่างการแถลงต่อสภาฯ ในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า ขณะนี้มองเห็นเส้นชัยในการเจรจาถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) แล้ว พร้อมกับยอมรับว่าการเจรจาขั้นสุดท้ายจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด

ผู้นำอังกฤษระบุในบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดอะซันว่า "ส่วนที่ยากที่สุดของ Brexit ยังมาไม่ถึง แต่เราก็เห็นเส้นชัยแล้ว และข้อตกลงที่เกิดขึ้นจะดีต่อประชาชนและประเทศชาติ"

นางเมย์กล่าวว่า Brexit คือการเปลี่ยนแปลงทางรัฐธรรมนูญครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษเพื่อคนทุกรุ่น ขณะที่การยกเลิกสนธิสัญญา ข้อตกลง และกฎหมายที่ใช้มานานกว่า 40 ปี ถือเป็นความท้าทายไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เพราะยังไม่เคยมีประเทศใดออกจากสหภาพยุโรป (EU) มาก่อน

นายกฯอังกฤษระบุว่า "เหลือเวลาอีก 5 เดือนก่อนที่เราจะออกจาก EU และเราก็บรรลุข้อตกลงส่วนใหญ่แล้ว ดิฉันมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพาเราออกจาก EU ด้วยข้อตกลงที่ดีที่สุด"

การแถลงของนางเมย์ต่อสภาฯ วานนี้ มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันและสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองภายในประเทศ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีประชาชนเกือบ 700,000 รายได้ออกมาเดินขบวนในกรุงลอนดอน เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดลงประชามติเรื่องการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นครั้งที่ 2

รายงานระบุว่า ในการเดินขบวนครั้งนี้ มีนายวินซ์ เคเบิล หัวหน้าพรรคลิเบอรัล เดโมแครตส์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนทางการเมืองที่อาวุโสสูงสุดที่เข้าร่วมเดินขบวน นอกจากนี้ ยังมีนายซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอน แคโรลีน ลูคัส อดีตหัวหน้าพรรคกรีน เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ