ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ปอนด์พุ่งเทียบดอลล์ รับความหวังเจรจา Brexit ขณะตลาดจับตาผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 7, 2018 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) หลังจากสื่อรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) พร้อมที่จะประนีประนอมประเด็นไอร์แลนด์ เพื่อหวังปลดล็อกข้อตกลงเกี่ยวกับการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3093 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3048 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1412 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1417 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7215 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7216 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0032 ฟรังก์ จากระดับ 1.0039 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.39 เยน จากระดับ 113.22 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3139 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3108 ดอลลาร์แคนาดา

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากสื่อรายงานว่า EU พร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อเสนอของอังกฤษในการประนีประนอมเกี่ยวกับชายแดนไอร์แลนด์เพื่อแก้ไขอุปสรรคประการสุดท้ายในการทำข้อตกลง Brexit ทางด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU ในประเด็น Brexit ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายของการเจรจา

อย่างไรก็ดี นางเมย์ย้ำว่า อังกฤษจะไม่ทำข้อตกลง Brexit โดยยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ข้อตกลงดังกล่าว โดยปัญหาที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงต้องเจรจากันคือประเด็นชายแดนของไอร์แลนด์ ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า

นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทั้งสภาจำนวน 435 คน ขณะที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 คนจากทั้งหมด 100 คน รวมทั้งเลือกผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า พรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแบกฝักฝ่ายในสภาคองเกรส และอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 7-8 พ.ย. โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ