ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงในวันนี้ โดยปรับตัวลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนเทขายดอลลาร์ และหันมาถือครองสกุลเงินจากประเทศที่สามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่าสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสหรัฐในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ณ เวลา 23.43 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.42% สู่ระดับ 106.47 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.20% สู่ระดับ 126.04 เยน และดีดตัวขึ้น 0.22% สู่ระดับ 1.1840 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ลบ 0.31% สู่ระดับ 93.05
การปรับตัวลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์ของดอลลาร์ ถือเป็นช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษ หรือตั้งแต่เดือนมิ.ย.2553
นักลงทุนยังคงจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 15 ส.ค.เพื่อประเมินความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าในเฟสแรก
การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มยืดเยื้อออกไปอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไม่มีกำหนดที่จะกลับมาประชุมกันอีกในเดือนนี้ โดยวุฒิสภาจะปิดสมัยประชุมจนถึงวันแรงงานสหรัฐในวันที่ 7 ก.ย. ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะให้ความสนใจต่อการประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคที่จะมีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้พบกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว นับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ และทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีกำหนดการเจรจารอบใหม่
นางเพโลซีได้สนทนาทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุดกับนายมนูชินเมื่อวันพุธ ซึ่งนายมนูชินยืนกรานว่าทำเนียบขาวจะไม่เพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ตามที่พรรคเดโมแครตเสนอ