ดอลลาร์แข็งค่าวันที่ 2 กังวลผลกระทบเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 23, 2020 00:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนพากันซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

ณ เวลา 23.56 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.35% สู่ระดับ 105.01 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.25% สู่ระดับ 122.84 เยน และร่วงลง 0.57% สู่ระดับ 1.170 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.41% สู่ระดับ 94.04

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษในวันนี้ว่า อังกฤษกำลังถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งเขาจะต้องดำเนินการในขณะนี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี นายจอห์นสันปฏิเสธที่จะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งที่ 2 เหมือนที่เคยดำเนินการในเดือนมี.ค.

"เรากำลังทำการตัดสินใจ และใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสมดุลต่อการรักษาชีวิตประชาชน รวมทั้งปกป้องการจ้างงานและการดำเนินชีวิตของประชาชน" นายจอห์นสันกล่าว

ในการแถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ นายจอห์นสันได้กล่าวถึงมาตรการที่รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้แก่ การให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้, ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้, ประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน, มีการกำหนดสถานที่มากขึ้นที่บังคับให้ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับภาคธุรกิจและประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล

นายจอห์นสันยังเตือนว่ารัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือน หากยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆในด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และรัฐบาลจะใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งกล่าวชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

"มีสัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แต่ทั้งตัวเลขการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก" นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน นายพาวเวลได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้นโยบายทั้งในด้านการเงินและการคลัง เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

นายพาวเวลยังเปิดเผยว่า ขณะนี้เฟดกำลังปล่อยกู้วงเงิน 2 พันล้านดอลลาร์จากโครงการ Main Street Lending Program ให้แก่ภาคธุรกิจซึ่งไม่สามารถได้รับสินเชื่อจากช่องทางอื่น

นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ขณะที่เพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ นายพาวเวลจะเข้าให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก่อนที่จะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี


แท็ก ยุโรป   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ