(เพิ่มเติม) ฟิทช์ชี้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยแข่งเดือด แม้ JAS พลาดร่วมวง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 22, 2016 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ เผยว่าการที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด ไม่สามารถเข้ามาเป็นผู้ให้บริการรายที่ 4 ในตลาดโทรคมนาคมเคลื่อนที่ของไทย ไม่น่าจะส่งผลให้การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมลดลงในปีนี้ เนื่องจากผู้บริการมือถือ 3 รายเดิมจะยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อไป เพื่อเพิ่มหรือปกป้องส่วนแบ่งตลาดของบริษัท

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้คงแนวโน้มเชิงลบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยปีนี้ เนื่องจากคาดว่าการวัดระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทโทรคมนาคมส่วนใหญ่จะถดถอยลง เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น การเติบโตของรายได้ชะลอตัว และค่าใช้ในการลงทุนเครือข่ายและการจ่ายค่าคลื่นความถี่สูงขึ้น

อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือของไทยจะยังคงเป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการสามรายหลักในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากที่แจส โมบาย ไม่สามารถนำเงินงวดแรกและหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร มายื่นเพื่อขอออกใบอนุญาตสำหรับคลื่นความถี่ 900MHz ก่อนกำหนดเวลาในวันที่ 21 มีนาคม 2559

ฟิทช์คาดว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยในปี 2559 จะมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการจะแข่งขันด้านราคาค่าใช้บริการและส่วนลดค่าเครื่องที่มากขึ้น ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True Mobile ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับที่สามมีฐานนะการเงินและสถานะทางการตลาดที่ดีขึ้น และมีเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกสองราย ซึ่งได้แก่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (BBB+/AA+(tha)/Stable) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC (BBB/AA(tha)/Stable) มีเป้าหมายที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองเอาไว้

การคาดการณ์ของ AIS และ DTAC ซึ่งมีส่วนแบ่งจากรายได้รวมประมาณ 80% ของทั้งอุตสาหกรรม ต่อฐานะทางการเงินที่อาจปรับตัวแย่ลง แสดงให้เห็นว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย โดย AIS ได้ปรับลดประมาณการณ์อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ในปี 2559 เพื่อสะท้อนถึงจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการที่ AIS ต้องหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G บนคลื่นความถี่ 900MHz เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ในเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาได้ โดย AIS ต้องเสนอส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้บริการที่ยังใช้โทรศัพท์ 2G ย้ายไปใช้บริการเครือข่าย 3G ก่อนที่จะหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 เมษายน 2559 บริษัทคาดว่า EBITDA Margin จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 37%-38% ในปี 2559 จาก 45.6% ในปี 2558 ในขณะที่ DTAC คาดว่า EBITDA Margin จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 27%-30% ในปี 2559 เมื่อเทียบกับ 31.8% ในปี 2558 เพื่อสะท้อนถึงกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีเป้าหมายในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทกลับคืนมา

นอกจากนี้ ฟิทช์ยังคงคาดว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่สามรายเดิมจะยังคงมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในการขยายเครือข่าย 3G และ 4G ในปีนี้ โดยมีการลงทุน (ไม่รวมค่าคลื่นความถี่) รวมกันประมาณ 8.0 หมื่นล้านบาท (2558: 6.5 หมื่นล้านบาท, 2555-2557: 2.7-6.1 หมื่นล้านบาท) มีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำคลื่นความถี่ 900MHz ออกมาประมูลอีกครั้งซึ่งอาจทำให้การลงทุนของอุตสาหรรมเพิ่มขึ้นอีกในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้า ดังนั้นกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่น่าจะติดลบ และอัตราส่วนหนี้สินต่อกระแสเงินสดจากการดำนินงาน (Financial Leverage) น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามแนวโน้มอันดับเครดิตของ AIS และ DTAC ยังคงมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าสถานะทางการตลาดของผู้ประกอบการทั้งสองรายจะยังคงแข็งแกร่งในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้า และบริษัทมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงข้างต้นได้ อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งทางการเงินของ AIS และ DTAC น่าจะปรับตัวลดลงในช่วงสองปีข้างหน้า ทำให้ความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัท ปรับตัวลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ