ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของจีน ขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรก และขยายตัว 7.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะที่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่า 20% เป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน ส่วนเงินทุนสำหรับกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์พุ่ง 32.1% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 12.7%
นอกจากนี้ ตลาดที่ดินยังกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก โดยจำนวนที่ดินที่กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าซื้อลดลง 10.4% จากระดับปีที่แล้ว เทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ร่วงลง 22% และปีที่แล้วที่ลดลง 19.5%
หยาง หงซู รองประธานสถาบันวิจัยและพัฒนา E-house China กล่าวว่า ความต้องการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกหรือผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะปรับปรุงที่อยู่อาศัย ถือเป็นแรงผลักดันหลักของการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์
ตลาดที่อยู่อาศัยที่คึกคักก็มีส่วนทำให้ตลาดที่ดินร้อนแรงขึ้น ข้อมูลจาก K8 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลตลาดที่ดินชี้ว่า รายได้จากการโอนที่ดินในเมืองใหญ่ 100 เมืองของจีนมีมูลค่ารวม 7.629 แสนล้านหยวนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดที่ดินที่ร้อนแรงขึ้นนั้นเกี่ยวพันกับการประมูลที่ดินของหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มรายได้และชำระหนี้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
จาง ต้าเหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอสังหาริมทรัพย์เซตาไลน์ กล่าวว่า ภาวะสวนทางระหว่างเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่คึกคักนั้น สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ในระบบเศรษฐกิจจีน
ปกติแล้วช่วงขาลงของเศรษฐกิจมักจะทำให้ดีมานด์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง สำหรับจีนนั้น อิทธิพลดังกล่าวยังคงมีอยู่ แต่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อขาขึ้นในตลาดอสังหาฯแต่อย่างใด นายจางกล่าวว่า การกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจจากภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นลดน้อยลงแล้ว การขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดอสังหาฯในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจจีนในอนาคตถูกวาดภาพออกมาดีจนเกินไป สำนักข่าวซินหัวรายงาน