Analysis: เฟดเลื่อนหั่น QE เหตุวิตกการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ยั่งยืน

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 19, 2013 13:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการตัดสินใจเลื่อนการปรับลดสัดส่วนโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนออกไป โดยให้เหตุผลถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นและผลกระทบทางการคลัง ซึ่งทำให้การชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินกลายเป็นเรื่องของอนาคต

การเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ระบุในแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมกำหนดนโยบายประจำเดือนก.ย.ว่า พวกเขาสังเกตเห็นถึงการปรับตัวขึ้นของเศรษฐกิจ แม้ว่ามีอุปสรรคทางการคลัง แต่ก็ตัดสินใจที่จะรอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้เกี่ยวกับความคืบหน้าทางเศรษฐกิจว่า จะมีความยั่งยืนหรือไม่ ก่อนที่จะปรับขนาดของมาตรการ QE

ในปัจจุบัน เฟดได้ซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในวงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้นวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากคาดว่า เฟดจะเริ่มลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรดังกล่าวลงราว 1.0-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมเดือนก.ย.

“อัตราดอกเบี้ยจำนองปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนโยบายการคลังกำลังสกัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" เฟดระบุ โดยเตือนว่า “ความตึงตัวของภาวะทางการเงินที่สังเกตเห็นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจจะทำให้การปรับตัวขึ้นของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานชะลอตัวลง"

นายโจเซฟ แก็กน่อน เจ้าหน้าที่อาวุโสจากปีเตอร์สัน อินสติติวท์ ฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า “ข้อมูลเศรษฐกิจอยู่ในภาวะอ่อนแรง และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากนับแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวของที่อยู่อาศัยอ่อนแอลงอีก"

ทางด้านนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อคืนนี้ว่า นอกเหนือจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวแล้ว นโยบายการคลังของรัฐบาลกลางก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดความเสี่ยงในช่วงขาลง

"การปิดหน่วยงานของรัฐบาลและการที่ไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้นั้น อาจจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงตามมาต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจ" นายเบอร์นันเก้เตือน ขณะที่มีสัญญาณความขัดแย้งระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการใช้จ่ายและเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง

เพื่อเป็นการเน้นย้ำสัญญาณต่อตลาด เฟดได้ย้ำถึงคำมั่นสัญญาที่จะไม่ปรับเพิ่มอ้ตราดอกเบี้ยระยะสั้น ตราบใดที่อัตราว่างงานอยู่ที่ 6.5% หรือสูงกว่า และแนวโน้มเงินเฟ้อไม่สูงเกิน 2.5%

ไม่มีกำหนดเวลาตายตัวในการชะลอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

การเลื่อนเวลาในการลด QE ของเฟดถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดยังวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและกังวลว่าการปรับลด QE ก่อนเวลาอันควรจะบั่นทอนการฟื้นตัว

นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า "โดยทั่วไปแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวในระดับปานกลาง โดยภาวะตลาดแรงงานมีการปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะมีความไม่สม่ำเสมออยู่บ้าง จึงกล่าวได้ว่าการที่ตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้นไม่ได้บ่งชี้ว่าสภาวะต่างๆในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ"

สำหรับในประเด็นคำถามที่ว่าการเลื่อนระยะเวลาในการลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะส่งสัญญาณที่สร้างความสับสนต่อตลาดหรือไม่นั้น นายเบอร์นันเก้ตอบว่า "สิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่เป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจ"

"เราไม่สามารถปล่อยให้การคาดการณ์ของตลาดมาครอบงำการดำเนินนโยบายของเรา" นายเบอร์นันเก้กล่าว พร้อมกับย้ำว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะยังคงพยายามอย่างดีที่สุดในการสื่อสารถึงเจตนารมณ์ด้านนโยบาย

นายเดวิด สต็อคตัน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเฟดกล่าวว่า “ตลาดประหลาดใจแต่ก็สามารถเข้าได้ต่อการตัดสินใจของเฟดที่ยังไม่เริ่มลดสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวร่วงลงในสหรัฐ และตลาดหุ้นทะยานขึ้น"

“แต่การที่เฟดระบุเมื่อต้นปีนี้ถึงการชะลอมาตรการ QE ได้กระตุ้นให้ตลาดต่างๆตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไม่สามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยง่าย"

เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นายเบอร์นันเก้เคยระบุกรอบเวลาว่า เฟดจะเริ่มลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ภายในปีนี้และจะยุติโครงการดังกล่าวภายในกลางปีหน้า

แต่ในการแถลงข่าวเมื่อคืนนี้ ความเชื่อมั่นในเรื่องกรอบเวลาของนายเบอร์นันเก้ได้ลดน้อยลง โดยเขากล่าวว่า "ไม่มีตัวเลขพิเศษใดๆที่เราจะกำหนดตายตัวได้ เรากำลังรอให้มีการฟื้นตัวโดยรวมในตลาดแรงงาน"

ทั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดไม่มี "ปฏิทินที่ตายตัว" สำหรับการปรับลดขนาด QE พร้อมกับกล่าวว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้าสามารถยืนยันได้ถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เฟดจะดำเนินการขั้นแรก "ในระดับหนึ่ง" ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายในปีนี้

ในการคาดการณ์เศรษฐกิจล่าสุด เฟดได้ปรับลดอัตราการขยายตัวสำหรับปี 2556 มาอยู่ในช่วง 2.0-2.3% ซึ่งลดลงจาก 2.3-2.6% ที่ประเมินไว้เมื่อเดือนมิ.ย. ขณะที่มีการปรับลดตัวเลขการขยายตัวสำหรับปีหน้าลงด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าการขยายตัวในปี 2557 จะอยู่ที่ 2.9-3.1% จากเดิมที่คาดไว้ในช่วง 3.0-3.5%

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย 12 จาก 17 ราย ประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากในปัจจุบันที่ระดับใกล้เคียง 0% นั้น จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2558 นอกจากนี้ ยังคาดว่าอัตราว่างงาน ซึ่งอยู่ที่ 7.3% ในเดือนส.ค.นั้น จะลดลงมาสู่ช่วง 7.1-7.3% ภายในสิ้นปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ