ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเม็ดเงินสกุลเงินหยวนสำหรับปริวรรตเงินตราของจีนได้เพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. หลังจากที่ลดลง 2 เดือนติดต่อกัน โดยธนาคารกลางจีนระบุว่า ณ สิ้นเดือนส.ค.เม็ดเงินดังกล่าวอยู่ที่ 27.39 ล้านล้านหยวน (4.48 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.732 หมื่นล้านหยวนเมื่อเทียบรายเดือน
เม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งเป็นมาตรวัดสำคัญเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศที่ไหลเข้าหรือออกจากจีนนั้น ได้ลดลงในเดือนมิ.ย.และก.ค. ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับกระแสเงินทุนไหลออกจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี นายเหลียน ผิง นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ กล่าวว่า “กระแสเงินทุนข้ามพรมแดนได้เริ่มกลับมาสู่จีนอีกครั้ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณถึงความมีเสถียรภาพ"
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าการขยายตัวที่ชะลอลงของการค้าระหว่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกและแผนการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบล่าสุด (QE3) นั้น คือสาเหตุหลักที่ส่งผลให้มีกระแสเงินทุนไหลออกดังกล่าว
นายไค หงโป ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นอร์มอล ยูนิเวอร์ซิตี้ กล่าวว่า การปรับตัวที่ดีขึ้นของการส่งออกในเดือนส.ค.และเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น ได้ช่วยหนุนความต้องการสกุลเงินหยวน
นายไคกล่าวเสริมว่า ข้อมูลด้านปริวรรตเงินตราในเดือนส.ค.มีขึ้นหลังจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่ง
สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนส.ค. โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขยายตัวแตะที่ 51.0 ในเดือนส.ค.จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ค.
การส่งออกของจีนในเดือนส.ค.ขยายตัว 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นจากระดับ 5.1% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ยอดค้าปลีก, การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในภาคการผลิต ก็มีการปรับเพิ่มขึ้นด้วย
“การปรับตัวขึ้นของข้อมูลด้านปริวรรตเงินตราบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งในเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการอ่อนค่าลงของสกุลเงินและการปรับตัวลงของตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่บางราย" นายเหลียน ผิง กล่าว
นายโจว ฉิงหมิง นักวิเคราะห์ของธนาคารไชน่า คอนสตรัคชัน แบงก์ กล่าวว่า “สำหรับความเคลื่อนไหวในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ข้อมูลด้านปริวรรตเงินตราอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือลดลงปานกลาง"
นายโจวเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวในระดับที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก และถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการของเฟดในการลดขนาด QE แต่นายโจวปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่จะมีกระแสเงินทุนไหลเข้าและไหลออกจำนวนมากในจีน
บทวิเคราะห์โดยสำนักข่าวซินหัว