Analysis: คองเกรสเสียงแตกประเด็นงบประมาณ ขณะสหรัฐส่อแววปิดหน่วยงานรัฐบาล

ข่าวต่างประเทศ Friday September 27, 2013 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สหรัฐอยู่ในช่วงเวลาที่ใกล้จะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล ในขณะที่สภาคองเกรสยังคงมึความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการบรรลุข้อตกลง ก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดเส้นตายในอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สภาคองเกรสยังติดกับอยู่ในวังวนของเกมการเมือง ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันต่างก็เตะถ่วงในประเด็นดังกล่าว เพื่อที่จะได้รับความเห็นชอบจากอีกฝ่ายในเรื่องที่พรรคต้องการ

การปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถือเป็นประเด็นร้อน โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกันบางส่วนต้องการจะผูกเงื่อนไขเรื่องการให้สนับสนุนร่างงบประมาณของรัฐบาล ให้ขึ้นอยู่กับการตัดเงินอุดหนุนแก่โครงการประกันสุขภาพของปธน.โอบามา หรือที่เรียกว่า โอบามาแคร์

อย่างไรกีดี นักวิเคราะห์มองว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลอาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกัน หลังจากที่พรรคต้องพ่ายแพ้แก่พรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ไม่มีแนวโน้มจะยอมรับร่างงบประมาณร่ายจ่ายจากทางวุฒิสภาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

ทางด้านวุฒิสภาเตรียมจะลงมติในสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดมาตราการตัดเงินสนับสนุนโครงการโอบามาแคร์ในกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญบางรายกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐคงจะไม่เลื่อนการตัดสินใจออกไป แม้ว่าจะยังคงมีอุปสรรคในการบรรลุข้อตกลงอยู่ก็ตาม

นายฟอร์ด โอคอนแนล นักยุทธศาสตร์ของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า "เราไม่คิดว่าจะต้องปิดการดำเนินการของหน่วยงานรัฐบาลแต่อย่างใด การปิดหน่วยงานไม่ใช่ทางเลือกที่เฉลียวฉลาดเท่าไหร่นักเมื่อพิจารณาจากศึกเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในปีหน้า และโอกาสที่รีพับลิกันจะกวาดคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น"

โพลล์สำรวจความคิดเห็นล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันจะตำนิโทษพรรครีพับลิกัน หากว่ามีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลในสัปดาห์หน้า

โพลล์ของ Pew ที่ได้มีการเผยแพร่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ระบุว่า ชาวอเมริกัน 39% จะกล่าวตำหนิพรรครีพับลิกัน หากว่าหน่วยงานรัฐบาลต้องปิดดำเนินงาน ขณะที่ 36% จะกล่าวโทษฝ่ายบริหารของปะน.โอบามา และ 17% จะตำหนดทั้งรีพับลิกันและฝ่ายบริหาร

เหล่านี้คือ สัญญาณที่ว่าความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจะยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่นายมิทช์ แมคคอนแนล แกนนำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาจะไม่สนับสนุนสมาชิกรีพับลิกันที่ต้องการขวางกฎหมายด้านการดูแลสุขภาพของปธน.โอบามา

ทัศนคติของแมคคอนแนลถูกมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับวุฒิสมาชิกเท็ด ครูซ ซึ่งเป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการปิดหน่วยงานรัฐบาล

พรรครีพับลิกันไม่ต้องการให้เกิดการปิดหน่วยงานรัฐบาลซ้ำรอยกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2539 ซึ่งในครั้งนั้นมีการตำหนิพรรครีพับลิกัน

ในความเป็นจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะเกิดวิกฤตในลักษณะดังกล่าว โดยเมื่อปี 2554 คองเกรสและทำเนียบขาวได้เลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลไปได้ในการทำข้อตกลงช่วงนาทีสุดท้ายระหว่างปธน.โอบามาและพรรครีพับลิกัน และในปีที่แล้ว ก็มีการทำข้อตกลงอีกครั้งเพื่อเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการในช่วงเพียง 1 สัปดาห์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากที่มีความขัดแย้งกันอย่างหนักระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนในสหรัฐนั้น จะส่งผลกระทบต่อพนักงานของรัฐบาลจำนวนหลายแสนคน ขณะที่จะมีการปิดสวนสาธารณะแห่งชาติ และประชาชนจะเป็นผู้ที่ต้องรับผลกระทบไม่ว่าประเด็นความขัดแย้งจะมาจากฝ่ายใดก็ตาม

นายโอคอนแนล กล่าวว่า แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้ของรีพับลิกันเพื่อยุติโครงการโอบามาแคร์จะสิ้นสุดลง

"คุณไม่สามารถบริหารงานได้ เมื่อคุณมีเสียงข้างน้อย ผมคิดว่าพรรครีพับลิกันตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี และพวกเขาเชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะยกเลิกโครงการโอบามาแคร์ได้ ก็คือ การครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาและคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 ให้ได้"

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายด้านการดูแลสุขภาพมองว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นมาก แต่กลุ่มผู้สนับสนุนยืนกรานว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ชาวอเมริกันที่ไม่สามารถเข้าถึงการประกันสุขภาพจำนวนหลายล้านคน มีโอกาสได้ทำประกันสุขภาพ

แมทธิว รัสลิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ