คณะรัฐมนตรีจีนได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนจะลดสัดส่วนการกันสำรองสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีการปล่อยเงินกู้ในสัดส่วนอันเหมาะสมให้แก่ภาคส่วนต่างๆในระบบเศรษฐกิจ เช่น ภาคการเกษตร และเอสเอ็มอี อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในแง่ของกรอบเวลาและสัดส่วนที่จะปรับลด
นโยบายสินเชื่อแบบที่มีการเฉพาะเจาะจงครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่มีการปรับลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) โดยมีการปรับลง 2% สำหรับธนาคารพาณิชย์ระดับเขตปกครองในพื้นที่ชนบท และปรับลง 0.5% สำหรับสหกรณ์เครดิตยูเนียนในพื้นที่ชนบท โดยจะมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
จี่ จือหง ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดการเงินของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า "การปรับลด RRR แก่บางธนาคารนั้นเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อให้การส่งเสริมทางการเงินแก่เศรษฐกิจแท้จริง เมื่อเทียบกับการปรับลด RRR ตามระบบปกติแล้ว นโยบายปรับลดสัดส่วนใหม่นี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนกว่า และยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้เข้าถึงสินเชื่อแก่ภาคการเกษตรและบริษัทขนาดเล็กที่ต้องการเงินกู้"
จี่คาดการณ์ว่า การปรับลด RRR แก่บางธนาคารครั้งนี้ อาจจะมีการจัดลำดับความสำคัญให้แก่ธนาคารที่มีการปล่อยกู้แก่ภาคเอสเอ็มอีในสัดส่วนที่เหมาะสม เนื่องจากการปรับลด RRR ครั้งก่อนหน้านั้นครอบคลุมถึงธนาคารและสถาบันการเงินในพื้นที่ชนบทอยู่แล้ว
RRR เป็นการกำหนดสัดส่วนขั้นต่ำของจำนวนเงินฝากของลูกค้าที่แต่ละธนาคารต้องสำรองไว้แทนที่จะปล่อยกู้ และยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญที่แบงก์ชาติต่างๆกำหนดขึ้น การปรับลด RRR มักจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้ของธนาคาร เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า การปรับลดสัดส่วนแก่บางธนาคารบ่งชี้ว่า การปรับลด RRR แก่ภาคธนาคารในวงกว้างนั้น ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ทางคณะรัฐมนตรียังออกมาแถลงว่า จีนจะปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความเหมาะสม โดยทรัพยากรทางการเงินจะถูกจัดสรรเพื่อหนุนโครงการรัฐที่มีความสำคัญ ตลอดจนความพยายามเพื่อยกระดับบริษัท และภาคบริการ
กั๋ว เทียนหยง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Central University of Finance and Economics กรุงปักกิ่ง มองว่า การประกาศปรับโครงสร้างทางการเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน
โครงการทางรถไฟและประปา รวมถึงพลังงาน การบูรณะชุมชนแออัด โครงการที่อยู่อาศัยราคาถูก และโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับเทศบาล จะได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อมากขึ้น เช่นเดียวกับการยกระดับบริษัท อุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ภาคไฮเทค และบริการสาธารณะ
ในขณะเดียวกัน นโยบายการคลังของแบงก์ชาติจะบีบการปล่อยกู้ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพต่ำ โดยหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนภาคยานยนต์ อุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน และภาคอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มถูกควบคุมการปล่อยเงินกู้อย่างเข้มงวด
จาง เสี่ยวปู๋ เจ้าหน้าที่วิจัยนโยบายจากคณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจธนาคารจีน (CBRC) เปิดเผยว่า CBRC จะเดินหน้าปฏิรูปอย่างต่อเนื่องในภาคธนาคาร พร้อมยกระดับการควบคุมความเสี่ยงและบริการธนาคาร ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับธนาคารเงาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินและทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากธนาคารกลางจีนชี้ว่า ยอดปล่อยกู้จากธนาคารในระยะกลางและระยะยาวแก่ภาคบริการได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบรายปี ณ สิ้นเดือนเม.ย. โดยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อในระยะกลางและระยะยาวแก่อุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินนั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 5.9% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลง 1.6% สำนักข่าวซินหัวรายงาน