ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลง 0.25% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ซึ่งนับเป็นมาตรการผ่อนคลายครั้งล่าสุดของทางการจีน
นายเหลียน ผิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชัน มองว่า การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นทางหนึ่งที่จะผ่อนคลายแรงกดดันด้านการระดมทัน และเพื่อสกัดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
"ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน การลดดอกเบี้ยจะช่วยส่งเสริมผลที่เกิดขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อน รวมทั้งทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และต้นทุนการระดมทุนทางสังคมปรับตัวลดลง และช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการ ตลอดจนหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ" นายเหลียนกล่าว
เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และต่อมาเมื่อต้นเดือนเดือนก.พ.ปีนี้ จีนได้ปรับลดสัดส่วนกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ดัชราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2552 และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 35
ด้าน HSBC ได้เปิดเผยในรายงานการวิจัยว่า การชะลอลงของเงินเฟ้อส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงเพิ่มขึ้น 0.6% นับตั้งแต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้มีความจำเป็นในการปรับลดต้นทุนการกู้ยืมสำหรับเศรษฐกิจที่แท้จริง
รายงานวิจัยของ HSBC ยังระบุด้วยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจจีน ด้วยการสนับสนุนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคและภาคอสังหาริมทรัพย์
นายเหลียนคาดว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มจะปรับลด RRR อีก 1 หรือ 2 ครั้ง เนื่องจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการไหลออกจากสกุลเงินต่างประเทศ แต่คาดว่ามีโอกาสไม่มากนักที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 1 ปีเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน