บรรดานักวิเคราะห์ทางการเงินในประเทศระบุว่าสาเหตุที่ทำให้ฐานะการคลังสาธารณะอยู่ในภาวะย่ำแย่ดังกล่าว ก็คือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงเดือนท้ายๆของปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจาก “การขาดดุลอย่างต่อเนื่อง" ในการดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่มีความจำเป็นเพื่อหนุนความมีเสถียรภาพและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ตัวเลขล่าสุดของ ELSTAT ระบุว่า ยอดขาดดุลของรัฐบาลกรีซในปี 2557 แตะระดับ 6.4 พันล้านยูโร (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งมากกว่าคาดการณ์ของรัฐบาลที่ 1.3% และของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ 1.6%
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กรีซมีการเสริมความแข็งแกร่งทางการคลังอย่างมาก โดยยอดขาดดุลของรัฐบาลได้ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 10.2% ของ GDP ในปี 2554 แต่บรรดาเจ้าหนี้ระหว่างประเทศของกรีซก็ได้กดดันให้กรีซมีความคืบหน้ามากขึ้นเพื่อหลุดพ้นจากวิฤตการเงิน
ELSTAT เปิดเผยว่ายอดเกินดุลงบประมาณเบื้องต้นในปี 2557 ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ในตอนแรก โดยกรีซเกินดุล 630 ล้านยูโร หรือ 0.4% ของ GDP และในปีที่แล้ว กรีซได้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่ดำเนินมาเป็นเวลา 6 ปี แต่ก็ไม่บรรลุเป้าหมาย 1.5% ของ GDP ซึ่งฝ่ายบริหารชุดก่อนเคยกำหนดไว้
รัฐบาลฝ่ายซ้ายที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนม.ค.ปีนี้ ได้เน้นย้ำถึงพันธสัญญาในการลดยอดขาดดุลและส่งเสริมการขยายตัว
รัฐบาลใหม่ได้ปฏิเสธที่จะดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดครั้งใหม่ที่จะสร้างความยากลำบากแก่ประชาชน แต่ได้เสนอนโยบายเศรษฐกิจทางเลือกในการเจรจาต่างๆกับบรรดาเจ้าหนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงมีจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกรีซมีผลการดำเนินงานที่ไม่น่าพอใจ
เจ้าหน้าที่กรีซ ซึ่งส่วนใหญ่มีผลการทำงานแย่กว่าที่คาด ต่างระบุว่านโยบายรัดเข็มขัดในช่วงที่ผ่านมาเป็นต้นตอของภาวะถดถอย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญยืนกรานว่า สาเหตุสำคัญก็คือการที่กรีซขาดการปฏิรูปเชิงโครงสร้างมาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะจัดการกับอุปสรรคต่างๆต่อศักยภาพการผลิตและการแข่งขัน ซึ่งได้ถ่วงแนวโน้มการขยายตัวในระยะกลางของภูมิภาค
นักวิเคราะห์ทางการเงินของกรีซหลายรายต่างก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน โดยระบุว่าภาวะขาดดุลที่เลวร้ายที่สุดของกรีซไม่ใช่การขาดดุลทางการคลัง หรือการขาดแคลนสภาพคล่อง แต่เป็นการขาดการปฏิรูปที่มีความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตของประเทศ
ทางด้านนักวิเคราะห์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนว่า ความไม่แน่นอนที่ดำเนินมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับการตกลงใจที่จะจัดการกับความท้าทายต่างๆด้วยการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่นั้น มีแนวโน้มจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจของกรีซย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
หลังจากข้อมูลของทางการแสดงให้เห็นว่ากรีซไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ตามเป้าอีกครั้ง นักวิเคราะห์ในเอเธนส์จึงคาดว่าสถานะในการเจรจาของกรีซอาจอ่อนด้อยลงในการเจราจาอย่างต่อเนื่องกับบรรดาเจ้าหนี้ ขณะที่เจ้าหนี้มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อกรีซให้ดำเนินความพยายามปรับปรุงทางการคลังมากขึ้นในระหว่างการประชุมยูโรกรุ๊ปที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 เม.ย. ก่อนที่จะปูทางสำหรับการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่กรีซ เพื่อที่กรีซจะไม่ขาดแคลนเงินสดในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า