จีนอยู่ในระหว่างพิจารณาเพิ่มโครงการลงทุนข้ามพรมแดนและโครงการเปิดรับกองทุนรวม ซึ่งเปิดทางให้ผู้จัดการสินทรัพย์จากฮ่องกงสามารถขายกองทุนต่างประเทศให้แก่นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง
หลังจากเริ่มต้นโครงการเชื่อมโยงตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-ฮ่องกงช่วงปลายปี 2557 นักลงทุนจีนก็ได้เข้าซื้อหุ้นเต็มเพดานโควตารายวันของโครงการดังกล่าวที่ 1.05 หมื่นล้านหยวน (1.7 พันล้านดอลลาร์) เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ข้อมูลจากเบนแอนด์คอมพานี และธนาคารไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงก์ ระบุว่า สินทรัพย์รายบุคคุลที่นำมาลงทุนได้ของจีนมีมูลค่ารวม 112 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นปี 2557
ขณะเดียวกัน ความโกลาหลในตลาดหุ้นจีนในเดือนส.ค. ประกอบกับธุรกิจบริการที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลเติบโตอย่างก้าวกระโดดและการขาดแคลนตัวเลือกด้านการลงทุนในประเทศ ได้บีบให้นักลงทุนจีนจำนวนมากขึ้นหันเข้าหาตลาดโลก
"ความต้องการของชาวจีนในการลงทุนข้ามพรมแดนจะสูงขึ้นต่อไป" ฮัว หมิงฟู รองผู้จัดการทั่วไปไชน่า อินเทอร์เนชันแนล ฟันด์ แมเนจเมนท์กล่าว
นายโฮเตือนว่า นักลงทุนชาวจีนจะต้องเผชิญกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และตลาดทุนที่ผันผวนในอนาคต
จาง ซัวหลิน ผู้จัดการทั่วไปไชน่า อินเทอร์เนชันแนล ฟันด์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า การลงทุนในต่างประเทศจะมีสัดส่วนในพอร์ทการลงทุนของนักลงทุนจีนอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่จีนได้เดินหน้าผลักดันสกุลเงินหยวนให้สามารถเข้าถึงในตลาดโลกได้มากขึ้น ตัวเลือกการลงทุนในต่างแดนจึงเปลี่ยนมากระจุกตัวอยู่ในโครงการเชื่อมโยงตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-ฮ่องกง โครงการนักลงทุนรายย่อยภายในประเทศที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (QDII) โครงการทำข้อตกลงกองทุนรวม และโครงการนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ส่วนแผนเชื่อมโยงตลาดหุ้นฮ่องกงและเสิ่นเจิ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลอยู่นั้น จะเริ่มดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายฮัวให้คำแนะนำว่า นักลงทุนชาวจีนควรมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศที่อิ่มตัว พร้อมกับจับตาตลาดหุ้นเกิดใหม่ ขณะเดียวกัน หุ้นในตลาดฮ่องกงซึ่งราคาต่ำลงมา และตราสารหนี้ของจีนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นสองทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับชาวจีน
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนยังเตือนด้วยว่า นักลงทุนจีนควรรับรู้ถึงความเสี่ยงของตลาดต่างประเทศอันเกิดจากความพยายามในการกระจายพอร์ทลงทุน
ซู ชางไถ่ หัวหน้านักกลยุทธตลาดเอเชียของเจพี มอร์แกน แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ประเด็นที่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน ซึ่งรวมถึง วิกฤตหนี้กรีซ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตามที่คาดกันไว้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะยังปรากฎอยู่ในปี 2559
"แม้ว่าสภาพคล่องที่ไหลเข้าสู่ระบบการเงินจะมีอยู่ท่วมท้น แต่ความกังวลของนักลงทุน ลักษณะนโยบายที่มีความคลุมเครือและการประเมินมูลค่าสินทรัพย์บางประเภทสูงเกินไปอาจทำให้ความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในตลาดเพิ่มสูงขึ้น" นายซูกล่าวโดยชี้แนะให้กระจายการลงทุนเพื่อเป็นการรับมือสภาพแวดล้อมการลงทุนในตลาดโลกที่มีความท้าทาย สำนักข่าวซินหัวรายงาน