Analysis: ทิศทางราคาทองปี 2559 จะรุ่งหรือร่วง? หลังเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 18, 2015 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในที่สุด หลังจากที่มีการคาดการณ์กันในวงกว้าง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองที่มีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกร่วงลงอย่างหนัก

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 27.2 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ระดับ 1,049.60 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2549

ประเด็นที่ยังเป็นที่กังขากันก็คือ ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ปี 2559 นั้น ราคาทองจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายปีหรือไม่ เมื่อเทรดเดอร์จะไม่ต้องคาดการณ์กันอีกต่อไปแล้วว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

วาณิชธนกิจหลายรายต่างคาดการณ์ว่า ปี 2559 จะเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่งสำหรับทอง ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อต่ำและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐ

เมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นายเจฟฟรีย์ คูร์รี จากโกลด์แมน แซคส์ คาดไว้ว่าราคาทองอาจจะมีการซื้อขายต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนายคูร์รีเคยแนะให้นักลงทุนเทขายทองในปี 2556 ก่อนที่ราคาทองจะร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ

“เราคิดว่าเราอยู่ในตลาดที่ซบเซาในเชิงโครงสร้าง ไม่เฉพาะทองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทหนึ่งจะส่งผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดวงจรลบต่อเนื่อง" นายคูร์รีใหสัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.

โกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, ซิตี้, เอบีเอ็ม แอมโร และโซซิเอเต เจเนอราล ต่างคาดการณ์ว่าราคาทองจะร่วงหลุดระดับ 1,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2559 โดยราคาเฉลี่ยจะลดลงต่อเนื่องจากระดับของปีนี้

เอบีเอ็น แอมโร ซึ่งเป็นหนึ่งในวาณิชธนกิจที่มีมุมมองลบมากที่สุดนั้น คาดว่าราคาทองจะร่วงลงแตะระดับต่ำถึง 900 ดอลลาร์หรือต่ำกว่านั้นในช่วงปี 2559

อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซีเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว ราคาทองจะดีดตัวขึ้นในปี 2559 หลังจากทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายปีมาหลายครั้ง และเอชเอสบีซียังเตือนว่าราคาทองมีแนวโน้มจะยังคงเผชิญแรงกดดันในระยะใกล้ และอาจเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1,000 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้น

ภาวะอ่อนแอของราคาทองในปี 2558 เป็นผลมาจากหลายเหตุการณ์ประกอบกับ ได้แก่ เงินเฟ้อที่ต่ำลง ดอลลาร์สหรัฐที่พุ่งขึ้นท่ามกลางคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย และอุปสงค์ที่ซบเซาสำหรับทองเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง

ปัจจัยลบดังกล่าวได้บดบังความเสี่ยงต่างๆที่มักจะส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทอง โดยราคาทองได้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ขณะที่ปัจจัยลบส่วนใหญ่จะยังไม่หายไปในปีหน้า และอาจจะรุนแรงมากขึ้นหลังวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบใหม่ของเฟด หรืออาจกล่าวได้ว่า แรงกดดันในช่วงขาลงจะยังคงมีอิทธิพลในการฉุดราคาทองมากกว่าปัจจัยบวกในปี 2559

นักวิเคราะห์บางรายแย้งว่าข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นถึงการทะยานขึ้นของราคาทองในช่วงการปรับขึ้นดอกเบี้ยส่วนใหญ่ของเฟด โดยเหตุการณ์ในลักษณะนี้ครั้งล่าสุดก็คือในช่วงระหว่างกลางปี 2547-กลางปี 2549 เมื่อราคาทองพุ่งขึ้นเหนือ 700 ดอลลาร์ จากระดับ 400 ดอลลาร์ ขณะที่เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal fund rate) ขึ้น 17 ครั้งติดต่อกัน

เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาทองทะยานขึ้นในช่วงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐเมื่อปี 2547 ก็คือเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น โดยสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท เช่น น้ำมัน ยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แต่ในขณะนี้ หลายประเทศต่างประสบปัญหาในการรับมือกับภัยคุกคามของภาวะเงินฝืด ขณะที่ตลาดสินค้าโภคภัณพ์ยังคงมีแนวโน้มขาลง โดยราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 60% นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2557 ซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี

บรรดานักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ระบุในคาดการณ์รายปีที่เปิดเผยเมื่อปลายเดือนพ.ย.ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไม่เกิน 2% ภายในปี 2560

ทั้งนี้ ราคาทองในปี 2559 จะขึ้นอยู่กับว่าเฟดจะตัดสินใจคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วเพียงใด และราคาทองอาจจะยังคงเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากก่อนที่เฟดจะส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะยาวนานเพียงใด สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ