ศูนย์นโยบายร่วมแห่งสองขั้วพรรคการเมืองใหญ่สหรัฐ (BPC) ออกรายงานเตือนว่า รัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่สามารถอนุมัติการเบิกจ่ายเงินให้แก่หน่วยงานต่างๆเพื่อนำไปบริหารงานได้ทันการณ์ หากรัฐสภาสหรัฐไม่สามารถผ่านกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้ได้ทันภายในเดือนต.ค.หรือพ.ย.นี้
ศูนย์ BPC ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ระบุในรายงานว่า "ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลสหรัฐจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าที่สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสคาดการณ์ไว้มาก ดังนั้นทาง BPC มองว่า เส้นตายที่สหรัฐควรจะเพิ่มเพดานก่อหนี้ให้ทัน คือช่วงเดือนต.ค.ถึงพ.ย.นี้"
รายงานระบุว่า "ภายในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น วันที่ 2 ต.ค.ถือเป็นวันที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นวันที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเกษียณอายุราชการทหาร" พร้อมกันนี้ยังเตือนด้วยว่า มีโอกาสสูงที่รัฐบาลกลางสหรัฐจะไม่มีเงินสดหมุนเวียนก่อนถึงช่วงเดือนต.ค.หรือเดือนพ.ย.อีกด้วย
ศูนย์ BPC ระบุว่า หากผู้กำหนดนโยบายไม่ต้องการให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้หรืออนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆล่าช้านั้น พวกเขาก็จะต้องออกกฎหมายขยายเพดานก่อหนี้ให้ทันภายในเดือนก.ย.นี้"
ขณะเดียวกัน ศูนย์ BPC ยังเรียกร้องว่า หากผู้กำหนดนโยบายสามารถผ่านกฎหมายขยายเพดานหนี้ได้เร็ว ก็จะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกพ้นการเผชิญกับความไม่แน่นอนได้
ในเดือนที่แล้ว นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านกฎหมายขยายเพดานหนี้ก่อนเดือนส.ค. เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม นายมนูชินไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่ารัฐบาลจะขาดเงินสดหมุนเวียนเมื่อใด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐคือระดับความสามารถในการก่อหนี้ของกระทรวงการคลังในการออกพันธบัตรหรืออนุมัติการเบิกจ่ายเงินให้กับหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ โดยในปัจจุบัน เพดานหนี้สูงสุดของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ระดับประมาณ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์