Analysis: นักวิเคราะห์ชี้ผลการเลือกตั้งมาเลเซียก่อให้เกิดความผันผวนระยะสั้น แต่จะส่งผลดีในระยะยาว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 14, 2018 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศมองว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 14 ของมาเลเซียที่ออกมาพลิกความคาดหมาย หลังจากที่ชัยชนะตกเป็นของพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านนำโดยนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด อาจจะนำพามาเลเซียไปสู่สภาวะที่ไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่หากมองในระยะยาวแล้ว จะทำให้มาเลเซียได้รับผลประโยชน์ เนื่องจากมาเลเซียจะมีโอกาสในการติดตามปัญหาภายในสถาบันระดับประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้กีดขวางโอกาสดี ๆ ของประเทศ

นางสาวอานุชกา ชาห์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านความเสี่ยงด้านอำนาจอธิปไตยจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอรวิส เปิดเผยว่า ชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในมาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียไม่เคยอยู่ภายใต้อำนาจบริหารของพรรคอื่นใดยกเว้นพรรคบาริซาน เนชันแนล (BN) นับตั้งแต่ที่มาเลเซียได้รับเอกราชในปี 2500

นักวิเคราะห์ระบุว่า "ขณะนี้ยังมีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคฝ่ายค้าน และในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งก็ไม่มีการพูดถึงรายละเอียดที่จะทำให้สามารถประเมินการวางแผนงบประมาณและผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคได้อย่างเต็มที่"

นักวิเคราะห์เชื่อว่า หากมีการนำบางนโยบายมาใช้ตามที่เคยให้สัญญาไว้ ในขณะที่มีการรณรงค์หาเสียงโดยปราศจากการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการด้านอื่นๆ ให้ดี ก็อาจจะส่งผลลบต่อความน่าเชื่อถือของมาเลเซีย

นโยบายดังกล่าวรวมถึงการยกเลิกภาษีสินค้าและบริการ (GST) ซึ่งไม่มีการใช้มาตรการอื่นมาทดแทนอาจทำให้มาเลเซียต้องพึ่งพารายได้จากน้ำมันมากขึ้นในระยะสั้น อีกทั้งยังทำให้รัฐบาลมีฐานรายได้น้อยลง

อีกนโยบายหนึ่งก็คือ การใช้นโยบายอุดหนุนพลังงาน ซึ่งจะนำไปสู่การบิดเบือนกลไกราคาที่ตลาดเป็นผู้กำหนด และส่งผลกระทบต่อทั้งฐานะทางการคลังและดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ

งานวิจัยจากดีบีเอสกรุ๊ปก็มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับมูดี้ส์เช่นกัน โดยระบุว่า แนวนโยบายของพรรคฝ่ายค้านอาจจะไม่ถูกใจตลาด เช่น การประกาศยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าและบริการ ซึ่งหากมีการใช้นโยบายนี้ก็อาจจะบั่นทอนภาพรวมทางการเงินของประเทศ

รายงานระบุว่า "ในช่วงที่ตลาดเกิดใหม่กำลังเผชิญกับภาวะต้นทุนการระดมดุนที่สูงขึ้นและสกุลเงินยังคงอ่อนค่านั้น ถือว่าตลาดมาเลเซียยังสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้ดีในปีนี้ เนื่องจากมาเลเซียได้ปฏิรูปทางการเงินและเศรษฐกิจกำลังเติบโตหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ซึ่งมาเลเซียจะคงสถานะที่ดีเช่นนี้ต่อไปได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถาม"

นอกจากนี้ โนมูระ รีเสิร์ช คาดการณ์ว่า ตลาดมาเลเซียอาจจะเผชิญกับความไม่แน่นอนในระยะสั้น เนื่องจากมีปัญหามากมายที่นักลงทุนอาจจะต้องนำมาพิจารณา

ปัญหาดังกล่าว ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารจากพรรคบาริซาน เนชันแนล (BN) ไปเป็นของพรรคปากาตัน ฮาราปัน (PH) จะเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่ ประเด็นเกี่ยวกับความชัดเจนของนโยบายสำคัญต่าง ๆ เช่น GST และนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ ประเด็นที่ว่า พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านรวม 4 พรรคที่มีเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยจะสามารถทำงานร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีหรือไม่ เช่น การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี แนวทางการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ และประเด็นสุดท้ายคือ ประเด็นที่ว่าความไม่แน่นอนด้านนโยบายจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจอย่างไร

รายงานระบุด้วยว่า "เราเชื่อว่า ความไม่แน่นอนเช่นนี้ไม่น่าจะดึงดูดนักลงทุนได้ อีกทั้งจะยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดอีกด้วย"

สถาบันวิจัยอาร์เอชบี ระบุในรายงานว่า ชัยชนะที่พลิกความคาดหมายของพรรคฝ่ายค้านอาจทำให้นักลงทุนถอนการลงทุนออกจากตลาด เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจ ความต่อเนื่องของนโยบาย และลำดับความสำคัญของนโยบาย

"โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใช้งบรัฐบาลอาจจะถูกนำมาทบทวนใหม่ ในขณะที่ภาคธุรกิจบางประเภทอาจต้องชะลอการลงทุนเพื่อรอให้นโยบายมีความชัดเจนยิ่งขึ้น"

นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลทางการคลังอาจจะสูงขึ้น หากรัฐบาลภายใต้พรรค PH บังคับใช้มาตรการต่างๆตามที่เคยกล่าวไว้ในขณะหาเสียงอย่างเต็มที่

สถาบันวิจัยอาร์เอชบีคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ของมาเลเซียปี 2562 จะชะลอตัวลงเหลือ 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี (จากเดิม 5%) ส่วนยอดขาดดุลงบประมาณน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ของ GDP เว้นแต่ว่าจะมีความชัดเจนด้านนโยบายมากขึ้นจนทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ