นายฟิลิป แฮมมอนด์ รมว.คลังอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะสั้น และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายสาธารณะ
นายแฮมมอนด์เปิดเผยในแถลงการณ์ฤดูใบไม้ผลิเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปี 2562 อยู่ที่ 1.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552 โดยลดลงอย่างมากจากระดับ 1.6% ที่คาดไว้ในงบประมาณเดือนต.ค. 2561
อังกฤษคาดว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะอยู่ที่ระดับ 1.4% ในปี 2563 และ 1.6% ในแต่ละปีของช่วง 3 ปีหลังจากนั้น
นายแฮมมอนด์กล่าวว่า ความพ่ายแพ้ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในการลงมติข้อตกลง Brexit เมื่อคืนวันอังคารนั้น ได้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอังกฤษ แต่เขาระบุว่า เศรษฐกิจของอังกฤษยังคงแข็งแกร่งและดีเกินคาด
นายแฮมมอนด์เตือนว่า กระบวนการ Brexit แบบไร้ข้อตกลง จะส่งผลกระทบอย่างมากในระยะสั้นและระยะกลางต่อความสามารถด้านการผลิตของเศรษฐกิจอังกฤษ ขณะที่การมีข้อตกลง Brexit อาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น
"การออกจากสหภาพยุโรป (EU) แบบไม่มีข้อตกลง จะส่งผลกระทบอย่างมากในระยะสั้นและระยะกลาง และเศรษฐกิจจะเติบโตน้อยลงในระยะยาว เมื่อเทียบกับการออกจาก EU แบบมีข้อตกลง" เขากล่าว พร้อมระบุว่า การว่างงานที่เพิ่มขึ้น ค่าจ้างที่ลดลง และราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ชาวอังกฤษลงประชามติสนับสนุนในเดือนมิ.ย. 2559
นายแฮมมอนด์คาดว่า การกู้ยืมและหนี้สินในทุกๆปีจะลดลงต่ำกว่าระดับในแผนงบประมาณของปีที่แล้ว โดยเขาได้วางแผนด้านการลงทุนต่อไปในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การเคหะ ความเชี่ยวชาญ และ อุตสาหกรรมสะอาด (clean growth) เพื่อที่อังกฤษจะสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่รออยู่ข้างหน้า หลังออกจาก EU
สถาบันศึกษาด้านการคลัง (IFS) ในลอนดอนได้ขานรับข่าวดีจากการประกาศของนายแฮมมอนด์ที่ว่า การกู้ยืมสาธารณะได้ลดน้อยลง
นายพอล จอห์นสัน ผู้อำนวยการ IFS ระบุว่า Brexit และผลกระทบที่ยังไม่มีใครรู้นั้น ทำให้นายแฮมมอนด์ชะลอการประกาศงบประมาณรายจ่ายที่สำคัญ โดยพิจารณาบนพื้นฐานของรายได้จากภาษีที่ดีเกินคาด
"รมว.คลังได้ลดแนวโน้มการใช้จ่ายพิเศษขณะที่มีข่าวดีด้านการคลัง โดยจะรอให้ความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit หมดสิ้นไปก่อนที่จะทำการตัดสินใจทบทวนการใช้จ่าย" นายจอห์นสันกล่าวสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวานนี้ รัฐสภาอังกฤษมีมติ 321 ต่อ 278 เสียง ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลง แต่นางเมย์ได้เตือนถึงข้อกฏหมายของ EU ว่า อังกฤษจะต้องออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง นอกเสียจากว่า จะมีการตกลงกันในด้านอื่น โดยรัฐสภาอังกฤษจะลงมติอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อตัดสินใจว่า จะเลื่อนกระบวนการ Brexit ออกไปหรือไม่ จากกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.นี้