นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในขณะนี้แล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
ทั้งนี้ ต่อคำถามที่ว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งไปแล้วในขณะนี้หรือไม่ หากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าก่อนหน้านี้ นายพาวเวลตอบว่า "ผมคิดว่าใช่"
"เราตัดสินใจชะลอการดำเนินนโยบาย เมื่อเราเห็นขนาดของมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อทั้งหมดของสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลของภาษีดังกล่าว" นายพาวเวลกล่าวในงานเสวนาซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันนี้ที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส
นอกจากนี้ ต่อคำถามที่ว่า เดือนกรกฎาคมถือว่าเร็วเกินไปสำหรับเฟดหรือไม่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นายพาวเวลตอบว่า "ผมไม่สามารถพูดได้จริง ๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ"
"เราทำการตัดสินใจในการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป ผมไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการประชุมครั้งใดเป็นพิเศษ หรือลดความสำคัญของการประชุมครั้งใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพัฒนาการของข้อมูล"
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 78.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย., ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.