นายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้าเกินไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในไตรมาส 3/2568 ที่สูงเกินคาดก็ตาม
ทั้งนี้ นายแฮสเซตต์ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้ารับตำแหน่งต่อจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังจากที่เขาครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2569
'หากดูธนาคารกลางทั่วโลก สหรัฐถือว่าล้าหลังมากในแง่ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย' นายแฮสเซตต์กล่าวในรายการ Money Movers ของสำนักข่าว CNBC
นอกจากนี้ นายแฮสเซตต์ระบุว่า กระแสการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่สร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อลดลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.3% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.2% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของการส่งออกและการใช้จ่ายในภาครัฐก็ได้เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลงน้อยกว่าคาดก็เป็นปัจจัยบวกเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ สหรัฐมีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3/2568 ในวันที่ 30 ตุลาคม แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3/2568 ที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ ถือเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 26 พฤศจิกายน
เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก่อนที่จะมีการขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 2
การหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 มีสาเหตุจากการนำเข้าที่พุ่งขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจต่างรีบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก่อนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตาม การนำเข้าลดลง 29.8% ในไตรมาส 2 และเป็นปัจจัยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสดังกล่าว