ทั้งนี้ มีสัญญาณที่ชัดเจนในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลว่า ในที่สุดแล้ว เฟดต้องการที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณขนานใหญ่
นายจิม โอ ซัลลิแวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไฮ ฟรีเควนซี อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า สัญญาณในขณะนี้ก็คือ เฟดจะดำเนินการในการประชุมเดือนก.ย. และที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวในช่วงเดือนก.ย.จะถูกยกเลิกไป
ส่วนนายแบร์รี่ ไอเชนกรีน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ แคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ตนเองรู้สึกว่า ธนาคารกลางประเทศต่างๆได้พิจารณาเรื่องข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นายไอเชนกรีน เชื่อว่า เฟดต้องการที่จะหวนคืนสู่นโยบายการเงินแบบดั้งเดิม แต่เศรษฐกิจของประเทศยังไม่อยู่ในภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการใช้นโยบายดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในช่วงปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้คาดการณ์ไว้
ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์ลง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.นี้
นายโอ ซัลลิแวน กล่าวต่อไปว่า เฟดอาจจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนสำหรับการลดวงเงินในครั้งแรก
ขณะที่ผู้เข้าร่วมการประชุมหลายส่วนต้องการให้เฟดรอดูสถานการณ์นานกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจชะลอมาตรการลง เนื่องจากมองว่า ยังมีสถานการณ์ที่ท้าทายในช่วงปลายปีที่ยังรอให้เฟดต้องพิจารณาประกอบเพิ่มเติมอยู่อีก
สถานการณ์ดังกล่าวได้แก่ ความล่าช้าในการหาข้อสรุปให้กับความคิดเห็นที่แตกต่างกันเรื่องนโยบายการคลังระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาว นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหลังจากที่มีกระแสคาดการณ์เรื่องการชะลอมาตรการ QE ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดบ้าน และอีกประเด็นคือการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอและยุติมาตรการ QE
เฟดยังมีวาระการประชุมกำหนดนโยบายอีก 2 ครั้ง ภายหลังจากเดือนก.ย.ไปแล้ว คือ การประชุมเดือนต.ค. และครั้งสุดท้ายของปีนี้คือ การประชุมในเดือนธ.ค.