นางเยลเลนระบุในร่างถ้อยแถลงต่อคณะกรรมการด้านการธนาคาร, ที่อยู่อาศัยและกิจการในเขตเมืองของวุฒิสภา ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ระบุว่า เฟด “กำลังใช้เครื่องมือด้านนโยบายการเงินเพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น"
หากได้รับการรับรองจากวุฒิสภา นางเยลเลนจะเข้าทำหน้าที่ประธานเฟดคนใหม่ในเดือนก.พ.ปีหน้า หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบันครบวาระในเดือนม.ค. โดยเธอจะเป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของเฟด
“การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งจะทำให้เฟดสามารถปรับลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและลดการพึ่งพาเครื่องมือด้านนโยบายแบบพิเศษ เช่น การซื้อสินทรัพย์ ได้ในท้ายที่สุด" นางเยลเลนกล่าว
ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ระบุว่า การสนับสนุนการฟื้นตัวในวันนี้คือแนวทางที่แน่นอนที่สุดสู่การกลับมาดำเนินนโยบายการเงินแบบปกติมากขึ้น
“ปัจจุบันนี้ เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" โดยระบุถึงการกระเตื้องขึ้นของภาคอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยและรถยนต์
แต่ในด้านสถานการณ์การจ้างงานนั้น นางเยลเลนกล่าวว่า อัตราว่างงานที่ 7.3% ในเดือนต.ค.นั้นเป็นระดับที่ “สูงเกินไป ซึ่งสะท้อนถึงตลาดแรงงานและเศรษฐกิจที่ปรับตัวต่ำกว่าศักยภาพอย่างมาก"
นางเยลเลนกล่าวว่า เงินเฟ้อกำลังปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ของเฟด และคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปสักระยะหนึ่ง
ทางด้านนายเบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบันได้กล่าวว่าเฟดจะเริ่มชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ซึ่งอาจจะมีขึ้นภายในปลายปีนี้ หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เฟดได้ซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและพันธบัตรสหรัฐวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ เพื่อหนุนเศรษฐกิจด้วยการจัดสรรสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้นสู่ตลาด สำนักข่าวเกียวโดรายงาน