สื่อเผยร่างแถลงการณ์"เยลเลน" ก่อนกำหนดกล่าวต่อสภาคองเกรสคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 12, 2017 20:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้

ตลาดการเงินจะจับตาถ้อยแถลงของนางเยลเลน เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งการปรับลดงบดุลของเฟด

ทั้งนี้ ในร่างแถลงการณ์ของนางเยลเลน ซึ่งสื่อมีการเผยแพร่ออกมาก่อนที่นางเยลเลนจะแถลงต่อสภาคองเกรสในคืนนี้ ระบุว่า นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ถึงแม้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ

นางเยลเลนยังระบุว่า เฟดไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพื่อไปสู่ระดับเป็นกลาง ดังเช่นที่เฟดเคยดำเนินการในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดยังคงจับตาข้อมูลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ แต่ก็ยังคงคาดว่าเฟดจะเริ่มทำการปรับลดงบดุลวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งการปรับลดงบดุลของเฟด จะส่งผลให้เฟดลดการถือครองพันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี นางเยลเลนระบุว่า ตนคาดว่างบดุลของเฟดจะยังคงอยู่สูงกว่าระดับในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินในปี 2008 ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มคงวงเงินในงบดุลมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์

ถึงแม้นางเยลเลนย้ำว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) จะยังคงเป็นเครื่องมือนโยบายการเงินหลัก แต่เจ้าหน้าที่เฟดก็ได้เปิดกว้างต่อการใช้เครื่องมืออื่นๆ โดยเฟดจะทำการเพิ่มวงเงินในงบดุลอีกครั้งหนึ่ง หากเศรษฐกิจประสบภาวะตกต่ำ

อย่างไรก็ดี ในร่างแถลงการณ์ของนางเยลเลนไม่ได้ระบุแน่ชัดถึงกำหนดเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย. โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือทิศทางของอัตราเงินเฟ้อ

นอกจากกล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อแล้ว นางเยลเลนยังได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากการประเมินก่อนหน้านี้ โดยนางเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวในระดับปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็ได้เพิ่มการใช้จ่าย และภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน

ขณะเดียวกัน นางเยลเลนยังได้เน้นย้ำว่านโยบายการคลัง และความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยสร้างความไม่แน่นอนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ