คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของเฟดหลังการประชุมได้ระบุถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
ทั้งนี้ จากการใช้เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 91% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 71% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% นับตั้งแต่การประชุมในเดือนมิ.ย.
แถลงการณ์ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ดีดตัวขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่แสดงความมั่นใจของเฟดมากกว่าในแถลงการณ์เดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ แถลงการณ์ระบุว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่แสดงความมั่นใจของเฟดมากกว่าในแถลงการณ์เดือนมิ.ย.ที่ระบุแต่เพียงว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนได้ปรับตัวขึ้น
ขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่สอดคล้องกับแถลงการณ์ในเดือนมิ.ย.
เฟดยังระบุว่าจะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป และมีความจำเป็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงปรับตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ถ้อยแถลงของเฟดดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 4.1% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4%
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของเฟดไม่ได้ระบุถึงการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่าดุลความเสี่ยงต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล