นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเมื่อวานนี้ โดยนายพาวเวลยังคงย้ำจุดยืนด้านนโยบายของเฟด แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
"เราเป็นสถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งหมายความว่า เราไม่มีการอภิปรายในประเด็นการเมือง และเราจะไม่นำประเด็นการเมืองมาใช้ประกอบการตัดสินใจของเรา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ตาม" นายพาเวลกล่าว
นายพาวเวลย้ำว่า จุดยืนด้านนโยบายของเฟดในขณะนี้ "มีความเหมาะสม" และเฟดยังมองไม่เห็นหลักฐานใดๆที่จะผลักดันให้เฟดดำเนินนโยบายไปในทิศทางอื่น
ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐที่อ่อนแรงลงนั้น นายพาวเวลเชื่อว่า แรงกดดันด้านราคาที่ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆนี้ อาจจะเกิดจาก "ปัจจัยชั่วคราว" และคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในวันข้างหน้า
"เราจะจับตาความเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง เพื่อดูว่าเงินเฟ้อได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวหรือไม่ และเรายังคงมีเป้าหมายให้เงินเฟ้อเคลื่อนไหวที่ระดับ 2%" นายพาวเวลกล่าว
ส่วนในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับย้ำว่า เฟดว่าจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากระดับ 2.25-2.50% ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ เฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้ถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเพื่อเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% และใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ ซึ่งหากเฟดมีการผ่อนคลายนโยบาย เศรษฐกิจสหรัฐก็จะพุ่งขึ้นเหมือนจรวด
"จีนกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่รักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ แต่ธนาคารกลางของเรายังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมาก และได้ใช้มาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ ที่จริงแล้ว เศรษฐกิจของเรามีศักยภาพที่จะพุ่งขึ้นเหมือนจรวด ถ้าเรามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% และใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยเศรษฐกิจของเราขยายตัวได้ดีที่ระดับ 3.2% ในไตรมาสแรก แต่จากการที่เรามีเงินเฟ้อต่ำ เราจะสามารถทำสถิติใหม่ และลดหนี้สินของประเทศลงได้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ