จับตา"พาวเวล"แถลงคองเกรส 21.00 น. นักวิเคราะห์ฟันธงเฟดส่งสัญญาณลดดบ. ไม่ฝืนคาดการณ์ตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 10, 2019 18:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนทั่วโลกจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ เฟดมีกำหนดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 18-19 มิ.ย.ในวันนี้เช่นกัน ซึ่งในการประชุมในครั้งนั้น เฟดมีมติ 9-1 เสียงในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เป็นกรรมการเฟดเพียงคนเดียวที่ลงมติให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันดังกล่าว ขณะเดียวกัน เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%

นายโจเซฟ ลาวอร์ญา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทนาทิซิส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นายพาวเวลจะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

"เฟดไม่เคยสร้างความผิดหวังต่อตลาดซึ่งมีการคาดการณ์สูงเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย โดยจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเฟดจะฝืนตลาดด้วยการไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย" รายงานระบุ

หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. ตามการคาดการณ์ ก็จะถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของเฟดด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยเฟดไม่เคยดำเนินการดังกล่าวนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2551


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ