นายโธมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวคัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยระบุว่า หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย สิ่งนี้ก็จะไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างราคาของภาคธุรกิจ แต่หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ
นายบาร์กินกล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และมีเสถียรภาพ
"ผมมองไม่เห็นว่า เงินเฟ้อในระดับปัจจุบัน หรือการคาดการณ์เงินเฟ้อ จะทำให้เฟดผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม โดยการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ทำให้เฟดไม่มีเหตุผลสนับสนุนมากนักในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูง ก็ทำให้เฟดไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน" เขากล่าว
นายบาร์กินระบุว่า เขามีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจที่เปราะบาง และเขาคาดว่าความเชื่อมั่นที่อ่อนแออาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย และทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อย่างไรก็ดี นายบาร์กินกล่าวว่า ภาคธุรกิจได้ตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างราคาแล้ว และจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี หากมีการใช้ความพยายามทำให้ภาคธุรกิจเพิ่มราคาสินค้า
ท่าทีของนายบาร์กินแตกต่างจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งได้กล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ โดยได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้