ดอกเบี้ยอาจมีพลิก! นักลงทุนให้น้ำหนักสูสี เฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยเดือนก.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 25, 2024 21:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักใกล้เคียงกันต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 44.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 46.4% เมื่อวานนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 30.2% เมื่อวานนี้

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 ที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ถือเป็นข่าวร้ายของนักลงทุน เนื่องจากสหรัฐมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงพุ่งขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

"รายงานฉบับนี้ถือเป็นเรื่องแย่ที่สุดของ 'ทั้งสองโลก' โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลง ขณะที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงปรากฎอยู่"

"เฟดต้องการเห็นเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดต้องการเห็นเศรษฐกิจมีการขยายตัว และกำไรของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากทั้งสองเรื่องนี้ไม่ได้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ก็จะถือเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาด" นายคริส แซคคาเรลลี หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Independent Advisor Alliance ระบุในรายงาน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.6% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4%

การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1/2567 ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค

สำหรับในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2%, 2.1%, 4.9% และ 3.4% ในไตรมาส 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในไตรมาส 1/2567 พุ่งขึ้น 3.4% ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่ปรับตัวขึ้น 1.8% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 3.7% สูงกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่เพิ่มขึ้น 2.0% ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ