กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.5% ในเดือนมี.ค. แตะที่ 2.196 ล้านล้านดอลลาร์ ผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 2.207 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
ขณะที่เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค.
ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.ที่ลดลงอย่างไม่คาดคิดนั้น เป็นผลมาจากการใช้จ่ายที่ลดลงทั้งในโครงการภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนลดลง 0.6% สู่ระดับ 1.688 ล้านล้านดอลลาร์ โดยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง 0.4% แตะที่ 9.377 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย เช่น สำนักงานและโรงงาน ลดลง 0.8% เหลือ 7.503 แสนล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับสูงและภาษีนำเข้าสินค้าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบ้าน สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติประมาณการเมื่อเดือนที่แล้วว่า ภาษีรอบล่าสุด ซึ่งรวมถึงการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% และการจัดเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากต่างประเทศ 25% ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 10,900 ดอลลาร์ต่อหลัง
ส่วนการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะลดลง 0.2%