ผลสำรวจของบริษัทวิจัย เทโกกุ ดาต้าแบงก์ (Teikoku Databank) ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (12 พ.ค.) ระบุว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 800 แห่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นและการขาดแคลนแรงงาน
ข้อมูลระบุว่า บริษัทญี่ปุ่น 826 แห่งที่มีหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน (ราว 67,490 ดอลลาร์สหรัฐ) ได้ยื่นขอล้มละลายในเดือนเม.ย. นับเป็นเดือนที่ 36 ติดต่อกันที่จำนวนบริษัทล้มละลายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
เมื่อจำแนกตามภาคส่วน บริษัทล้มละลาย 215 แห่งอยู่ในภาคบริการ และ 195 แห่งอยู่ในภาคค้าปลีก ซึ่งต่างก็เป็นตัวเลขสูงสุดสำหรับเดือนเม.ย. นับตั้งแต่ปี 2543 โดยมีสาเหตุมาจากภาวะเงินเฟ้อยืดเยื้อซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องลดการใช้จ่าย รวมถึงการขาดแคลนแรงงานอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ แต่เทโกกุ ดาต้าแบงก์เตือนว่า หากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ถูกระงับอยู่ในขณะนี้กลับมามีผลบังคับใช้ อาจส่งผลให้การส่งออกและการลงทุนลดลง และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของการบริโภคส่วนบุคคล