กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันเปิดเผยวันนี้ (20 พ.ค.) ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกเดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 19.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 5.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 10.0%
ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกของไต้หวันในเดือนเม.ย.ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ อันเป็นผลจากลูกค้าเร่งกักตุนสินค้าเทคโนโลยีจากไต้หวัน ก่อนที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศใช้มาตรการภาษีทั่วโลกในเดือนเดียวกัน ซึ่งต่อมามีการยกเลิกไปบางส่วน ขณะที่โมเมนตัมของคำสั่งซื้อยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (HPC)
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อสินค้าจากไต้หวันถือเป็นดัชนีชี้วัดอุปสงค์เทคโนโลยีในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไต้หวันเป็นฐานการผลิตสำคัญของ TSMC ผู้รับจ้างผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ
อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกของไต้หวันซึ่งพึ่งพาการค้าในระดับสูง อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ หากทรัมป์ยังคงเดินหน้าตามแผนการขึ้นภาษี
กระทรวงฯ ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า "ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลก รวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา ได้เพิ่มสูงขึ้น" พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมืออย่างรอบคอบ
สำหรับเดือนพ.ค. กระทรวงฯ คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกจะยังคงเติบโตต่อเนื่องราว 12.5%-16.6% เมื่อเทียบรายปี
เมื่อแยกตามประเภทสินค้า คำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มโทรคมนาคมในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 20.0% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตถึง 35.0%
ในส่วนของคำสั่งซื้อจากจีน เพิ่มขึ้น 5.7% พลิกกลับจากที่หดตัวลง 5.3% ในเดือนมี.ค.
คำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ ขยายตัว 30.3% ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโต 30.7% ในเดือนก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน คำสั่งซื้อจากยุโรปเพิ่มขึ้น 10.5% และจากญี่ปุ่นเติบโต 16.3% ในเดือนเม.ย.เช่นกัน