สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ (5 มิ.ย.) ว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนเม.ย. ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.8%
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายยังคงซบเซา เนื่องจากผู้บริโภคนำเงินสำรองใช้จ่ายไปกับบริการอย่างเช่นการรับประทานอาหารนอกบ้าน แทนการซื้อสินค้าอย่างเช่นเสื้อผ้าและรถยนต์
หัวหน้านักสถิติของ ABS กล่าวว่า การใช้จ่ายด้านนันทนาการและวัฒนธรรม สุขภาพ และการรับประทานอาหารนอกบ้าน มีส่วนทำให้การใช้จ่ายด้านบริการเพิ่มขึ้น 1.5% แต่การใช้จ่ายในการซื้อสินค้าลดลง 1.1% เนื่องจากภาคครัวเรือนซื้อเสื้อผ้า รองเท้า และรถยนต์ใหม่น้อยลง
ภาคครัวเรือนออสเตรเลียอยู่ในกลุ่มที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก และเผชิญกับความยากลำบากกับภาวะต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจออสเตรเลีย และเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จับตาอย่างใกล้ชิด
คณะกรรมการ RBA ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งแล้วในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ 3.85% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดย RBA คาดหวังว่าการฟื้นตัวของการบริโภคจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตเร็วขึ้นในปีนี้ หลังจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างเชื่องช้าในไตรมาสแรกของปีนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 ขยายตัวเพียง 1.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.5% ส่วนเมื่อเทียบรายไตรมาส GDP ขยายตัวเพียง 0.2% แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.4%