สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยในวันนี้ (30 มิ.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.7% ไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณครั้งแรกในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี และทำให้เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรขยายตัวรวดเร็วที่สุดในบรรดาประเทศกลุ่ม G7
รายงานของ ONS ระบุว่า ภาคบริการที่ขยายตัว 0.7% มีส่วนช่วยหนุนการเติบโตของ GDP ในไตรมาส 1 มากที่สุด ขณะที่ภาคการผลิตและการก่อสร้างขยายตัว 1.3% และ 0.3% ตามลำดับ ส่วนอัตราการออมลดลงสู่ระดับ 10.9% ในไตรมาส 1 โดยปรับตัวลง 1.1 จุดจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากประชาชนออมเงินนอกเหนือจากกองทุนเงินบำนาญน้อยลง
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีค่าจ้าง (payroll tax) มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านปอนด์ (3.6 หมื่นล้านดอลลาร์) ของราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อต้นเดือนเม.ย. โดยเธอระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างการคลังสาธารณะ แม้มาตรการนี้ถูกวิจารณ์ว่าได้บั่นทอนความเชื่อมั่นและทำให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ แม้สหราชอาณาจักรได้บรรลุข้อตกลงบางส่วนกับสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศแล้วก็ตาม