ผลสำรวจของบริษัท โตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research หรือ TSR) เผยให้เห็นในวันนี้ (8 ก.ค.) ว่า จำนวนบริษัทที่ล้มละลายในญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยมีจำนวนบริษัทที่ได้ผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
รายงานระบุว่า การล้มละลายของบริษัทที่มีหนี้สินอย่างน้อย 10 ล้านเยน (ประมาณ 68,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ยอดการล้มละลายพุ่งขึ้นต่อเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ราคาวัสดุที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ซ้ำเติมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางอย่างหนัก
บริษัทที่มีพนักงานไม่ถึง 10 คน คิดเป็น 89.8% ของการล้มละลายทั้งหมด บริษัทเหล่านี้เผชิญความยากลำบากในการหาพนักงานใหม่ เพราะตลาดแรงงานที่ตึงตัวทำให้ค่าจ้างมีแต่จะสูงขึ้น
นอกจากนี้ การสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษีพิเศษที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในช่วงโควิด-19 ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กต้องแบกรับภาระหนักขึ้น
โดยรวมแล้วมีบริษัทถึง 172 แห่งที่ระบุว่าปัญหาเรื่องพนักงาน ทั้งหาคนยากและพนักงานลาออก เป็นสาเหตุที่ทำให้ล้มละลาย ตัวเลขนี้เป็นสถิติสูงสุดสำหรับช่วง 6 เดือน และเพิ่มขึ้นจาก 146 แห่งในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ หนี้สินรวมของบริษัทที่ล้มละลายลดลง 4.3% มาอยู่ที่ 6.902 แสนล้านเยน