ผลสำรวจของสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นที่เปิดเผยในวันนี้ (15 ก.ค.) บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 0.6% ต่อเนื่องจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.
ดัชนีอยู่ที่ระดับ 93.1 ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.6% อย่างไรก็ดี การที่ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 บ่งชี้ว่าจำนวนผู้บริโภคที่มองสถานการณ์ในแง่ร้ายยังคงมีมากกว่าผู้ที่มองในแง่ดี
การปรับขึ้นของดัชนีเกิดขึ้นแม้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.85% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดจำนวนมากที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ได้ปรับลดไปแล้วในเดือนก.พ.และพ.ค.
แมทธิว ฮัสซัน หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์เศรษฐกิจมหภาคออสเตรเลียของเวสต์แพคตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในช่วงก่อนการตัดสินใจของ RBA ให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 95.6 ขณะที่กลุ่มที่ตอบแบบสำรวจหลังการประกาศผล ให้ค่าดัชนีลดลงมาอยู่ที่ 92.0
"ปฏิกิริยาดังกล่าวได้สกัดกั้นการปรับขึ้นของดัชนีที่ควรจะแข็งแกร่งกว่านี้" ฮัสซันกล่าว "สถานการณ์นี้ยังคงทำให้อารมณ์ของผู้บริโภคโดยรวมติดอยู่ในระดับ 'มองโลกในแง่ร้ายอย่างระมัดระวัง' (cautiously pessimistic)"
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจรายสัปดาห์อีกฉบับจาก ANZ แสดงให้เห็นว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 2.1 จุด มาอยู่ที่ 86.5 โดยให้เหตุผลจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
เมื่อพิจารณาดัชนีย่อยในผลสำรวจของเวสต์แพค พบข้อมูลดังต่อไปนี้
มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในอีก 1 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น 1.8%
มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า ลดลง 2.8%
ดัชนีสถานะการเงินของครอบครัวเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้น 5.0%
มุมมองต่อสถานะการเงินของครอบครัวในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 2.6%
ดัชนีมุมมองต่อการเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อของใช้ชิ้นใหญ่ในครัวเรือน ลดลง 2.6%