กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (17 ก.ค.) ว่า ยอดส่งออกเดือนมิ.ย. ลดลง 0.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งนับเป็นการลดลงเดือนที่ 2 โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดส่งออกรถยนต์และเหล็กที่ลดลง ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
รายงานระบุว่า การส่งออกที่ยังคงซบเซาอาจฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้หดตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/2568 หลังจากหดตัวในไตรมาสแรก ซึ่งอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค หมายถึงการที่เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ส่วนยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ขณะที่ญี่ปุ่นกลับมามียอดเกินดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 3 เดือนแตะ 1.531 แสนล้านเยน (1 พันล้านดอลลาร์)
รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า ยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนั้น ลดลง 11.4% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดส่งออกไปจีนลดลง 4.7% แต่ยอดส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้น 3.6%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การค้าโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนอย่างมากจากสงครามภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยญี่ปุ่นต้องรับมือกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในอัตรา 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ และภาษีนำเข้าในอัตรา 50% สำหรับเหล็ก
นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. สหรัฐฯ ยังเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้าส่งออกจากญี่ปุ่นแทบทั้งหมด และอัตราภาษีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในวันที่ 1 ส.ค. หากสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ทันเวลา