ยอดส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน (NODX) ของสิงคโปร์ในเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 13.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.0% และเป็นการพลิกกลับจากเดือนพ.ค. ที่ปรับตัวลง 3.9%
ข้อมูลจากองค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) ระบุว่า ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะวงจรรวม (Integrated circuit) ที่เติบโต 53.8% และคอมพิวเตอร์ที่โต 17.5% ส่วนการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ก็เติบโตสูงเช่นกัน โดยทองคำที่ไม่ใช่ทุนสำรองพุ่งขึ้นถึง 211.9% และเครื่องจักรเฉพาะทางเพิ่มขึ้น 31.4%
เมื่อแยกตามปลายทาง การส่งออกไปยังฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้เติบโตขึ้น ขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ ลดลง
อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลข NODX ใน 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโต 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างแสดงความกังวลต่อความท้าทายในอนาคต
ไช่ ฮั่น เถิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารดีบีเอส (DBS) เตือนว่า การเติบโตนี้อาจเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ "รีบส่งออกสินค้าล่วงหน้า" (Front-loading) ของผู้ประกอบการ เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐฯ โดยเขาคาดการณ์ว่าการค้าและการผลิตจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจาก "อุปสงค์จากต่างประเทศของสิงคโปร์มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดัน จากการกีดกันทางการค้าโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ"
ความกังวลดังกล่าวสืบเนื่องมาจากท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ได้แจ้งเตือนบางประเทศว่าอาจเผชิญการขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 20% ถึง 50% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป และแม้ว่าสิงคโปร์ซึ่งพึ่งพาการค้าสูงจะยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งเตือนในรอบนี้ แต่สินค้าส่งออกของสิงคโปร์ยังคงอยู่ภายใต้ภาษีพื้นฐาน 10% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนเม.ย.
ด้านหงัน กิม หยง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของสิงคโปร์กล่าวไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า การบังคับใช้ภาษีของสหรัฐฯ และผลกระทบจากการรีบส่งออกล่วงหน้าที่ลดน้อยลง จะเป็นปัจจัยถ่วงการเติบโต ทั้งนี้ หงัน กิม หยง มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในปลายเดือนนี้ เพื่อเจรจาขอผ่อนปรนมาตรการภาษีสำหรับสินค้าส่งออกประเภทยา