ผลสำรวจภาคเอกชนที่เผยแพร่ในวันนี้ (1 ส.ค.) ระบุว่า ภาคการผลิตของญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งในเดือนก.ค. หลังจากขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากอุปสงค์ที่อ่อนแอซึ่งฉุดรั้งยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นโดย S&P Global ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48.9 ในเดือนก.ค. จาก 50.1 ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
แม้ว่าดัชนีผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลง แต่ผู้ผลิตยังคงจ้างงานเพิ่มขึ้นสวนทางกับข้อมูลดังกล่าว แม้เป็นอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 3 เดือนก็ตาม
ด้านราคา ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 1 ปี เพื่อส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวและความไม่แน่นอนทางการค้าจะลดน้อยลง
อนึ่ง ข้อมูลในผลสำรวจส่วนใหญ่จัดทำขึ้นก่อนที่จะมีการประกาศข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ซึ่งแอนนาเบล ฟิดเดส จาก S&P Global ให้ความเห็นว่า "ต้องจับตาดูต่อไปว่าข้อตกลงการค้าฉบับใหม่นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและกระตุ้นยอดขายในเดือนต่อ ๆ ไปได้หรือไม่"