ผลสำรวจทางธุรกิจที่เผยแพร่ในวันนี้ (1 ส.ค.) บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของเกาหลีใต้ในเดือนก.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีสาเหตุหลักจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อยอดการผลิตและคำสั่งซื้อ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของเกาหลีใต้โดย S&P Global ปรับตัวลงสู่ระดับ 48.0 ในเดือนก.ค. จาก 48.7 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
อุซามะฮ์ ภัตติ นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า "ข้อมูล PMI เดือนก.ค. ชี้ให้เห็นว่าสภาวะการดำเนินงานของภาคการผลิตเกาหลีใต้แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด" โดยยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ต่างลดลงในอัตราที่เร็วกว่าเดือนก่อนหน้า ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแออยู่แล้วยังถูกซ้ำเติมจากผลกระทบของนโยบายภาษีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 10-23 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เกาหลีใต้จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ซึ่งช่วยลดภาษีลงเหลือ 15% จากเดิมที่เคยถูกขู่ว่าจะเก็บในอัตรา 25%
ยอดคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกใหม่หดตัวในอัตราที่ชะลอลงที่สุดในรอบ 4 เดือน โดยข้อมูลจากผู้ประกอบการชี้ว่า ยอดสั่งซื้อจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่นลดลงเป็นพิเศษ
จากผลสำรวจยังพบว่า ผู้ผลิตในเกาหลีใต้กลับมามีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มธุรกิจในอีก 1 ปีข้างหน้า เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยให้เหตุผลจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่แน่นอน ประกอบกับความเสี่ยงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีอยู่