ยูโรสแตท (Eurostat) ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนประจำเดือนมิ.ย. ขยายตัวถึง 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% ตัวเลขนี้ชี้ว่าการบริโภคในยูโรโซนยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นกันชนสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจของยูโรโซนสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการค้าโลกได้
แม้อัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าจะอยู่ที่ 0.3% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% เล็กน้อย แต่ตัวเลขของสองเดือนก่อนหน้า (เม.ย. และ พ.ค.) ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมแนวโน้มการเติบโตรายปีอยู่ในทิศทางที่สูงกว่าที่เคยประเมินไว้
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์เคยกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะเผชิญความยากลำบากในไตรมาสที่ 2/2568 เนื่องจากสงครามการค้าโลกส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น แต่ดัชนีชี้วัดหลายตัวที่ทยอยประกาศออกมา ตั้งแต่ตัวเลข GDP ไปจนถึงดัชนีความเชื่อมั่น ต่างบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงประคองตัวได้ดี
ยูโรสแตทระบุว่า ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต 3.1% นี้ มาจากยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่พุ่งขึ้น 4.3% และยอดขายเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น 4.0%
เมื่อพิจารณาในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ของยูโรโซนพบว่า สเปนมีการเติบโตสูงสุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 6.4% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่เยอรมนีก็เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 4.8%
เมื่อมองภาพรวมของทั้งสหภาพยุโรป (EU) ยอดค้าปลีกก็ขยายตัวในทิศทางเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และ 3.1% เมื่อเทียบรายปี