สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า ตลาดรถยนต์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในเดือนก.ค. โดยยอดขายขยายตัวเพียง 6.9% ซึ่งลดลงอย่างมากจากอัตราการเติบโต 18.6% ในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางการคุมเข้มสงครามราคาจากภาครัฐที่ส่งผลกระทบทั้งอุตสาหกรรม
ปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโตคือความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายรวมของรถปลั๊กอินไฮบริดและไฮบริดแบบขยายระยะทาง (Extended-Range) หดตัวลง 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่และสถานีชาร์จที่ทั่วถึงช่วยคลายความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งของผู้บริโภค ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) ได้รับความนิยมมากขึ้น
เทรนด์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นในตลาดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง Leapmotor, Xiaomi และ Xpeng ต่างทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. สวนทางกับค่ายที่พึ่งพารถไฮบริดเป็นหลักอย่าง BYD และ Li Auto ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก
BYD ซึ่งเป็นผู้นำตลาดและคู่แข่งคนสำคัญของ Tesla ได้รับผลกระทบอย่างจัง ยอดขายในจีนลดลง 12% นับเป็นการลดลง 3 เดือนติดต่อกัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) หดตัวจาก 35.4% เหลือเพียง 27.8% และยังมียอดการผลิตลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือน อย่างไรก็ตาม ยอดส่งออกไปต่างประเทศที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดยังช่วยพยุงยอดส่งมอบทั่วโลกให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่ Li Auto ก็มียอดขายในเดือนก.ค. ลดลงถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับทัพหันมาพัฒนารถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในสเปกระดับพรีเมียมแต่ราคาเข้าถึงง่ายเพื่อสู้ศึกในตลาด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลจีนที่ต้องการเข้ามาจัดการปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงเกินไป ซึ่งนำไปสู่ภาวะกำลังการผลิตล้นตลาดและสงครามราคาที่ยืดเยื้อ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมของจีนได้ประกาศว่าจะออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพของภาคยานยนต์
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาพรวมตลาดในประเทศที่ชะลอตัว ข้อมูลจาก CPCA กลับชี้ให้เห็นถึงข่าวดีด้านการส่งออกที่เติบโตเร่งขึ้นเป็น 25% ในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้ทางสมาคมได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายและการส่งออกตลอดทั้งปีนี้ โดยเชื่อว่ายอดส่งมอบทั้งในและต่างประเทศจะยังคงดีกว่าที่คาดการณ์ไว้