ภาคการผลิตของเยอรมนีเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในเดือนส.ค. หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้อใหม่และผลผลิตที่ขยายตัว อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตยังคงเดินหน้าปลดคนงานต่อเนื่อง ท่ามกลางตัวเลขผู้ว่างงานทั่วประเทศที่พุ่งทะลุ 3 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ข้อมูลจาก S&P Global ระบุในวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของเยอรมนีจาก HCOB ในเดือนส.ค. ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 49.8 จาก 49.1 ในเดือนก.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการที่ยอดสั่งซื้อใหม่ขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากการส่งออกกลับปรับตัวลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
แม้ทิศทางการผลิตจะดูดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังคงลดการจ้างงานในอัตราที่เร็วกว่าเดือนก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานแรงงานที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จำนวนผู้ว่างงานในเยอรมนีได้พุ่งทะลุ 3 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี อันเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี
ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ให้ความเห็นว่า "การที่ภาคการผลิตสามารถขยายตัวได้ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของภาคส่วนนี้"
เดอ ลา รูเบีย กล่าวเสริมว่า ความท้าทายที่ภาคการผลิตเยอรมนีกำลังเผชิญอยู่ ได้แก่ ความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่อาจหยุดชะงัก การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากจีน และแรงกดดันต่อขีดความสามารถในการแข่งขันจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น