ผลสำรวจที่เผยแพร่วันนี้ (1 ก.ย.) ชี้ว่า ภาคการผลิตของกลุ่มประเทศยูโรโซนในเดือนส.ค. กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 โดยได้แรงหนุนสำคัญจากอุปสงค์และผลผลิตภายในยูโรโซนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการผลิตในอนาคต
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนโดย HCOB พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี จาก 49.8 ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
การขยายตัวดังกล่าวสะท้อนจากผลผลิตภาคโรงงานที่เติบโตในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดอุปสงค์ที่สำคัญ ก็พุ่งขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่ง
ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) กล่าวว่า "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตกำลังแผ่ขยายเป็นวงกว้าง และยอดสั่งซื้อใหม่ที่เข้ามาก็ช่วยสร้างความหวังว่าการฟื้นตัวครั้งนี้จะมีความยั่งยืน"
"ยอดสั่งซื้อในยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นกำลังเข้ามาช่วยชดเชยอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนตัวลง ซึ่งอันที่จริงแล้ว การกระตุ้นอุปสงค์ในยูโรโซนอาจเป็นมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และหลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะสูงกว่าปัจจุบัน"เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่ากรีซและสเปนเป็นผู้นำการเติบโต โดยมีดัชนี PMI อยู่ที่ 54.5 และ 54.3 ตามลำดับ ส่วนฝรั่งเศสและอิตาลีก็ขยายตัวเล็กน้อยเช่นกัน ขณะที่เยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป มีดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 38 เดือนสู่ระดับ 49.8 จ่อเข้าใกล้ระดับ 50
การฟื้นตัวของภาคการผลิตนี้นับเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจเยอรมนี หลังจากที่หดตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า อันเนื่องมาจากอุปสงค์จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งชะลอตัวลง
แม้ผู้ผลิตในยูโรโซนจะแสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มในอีกหนึ่งปีข้างหน้า แต่มุมมองโดยรวมยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. มากนัก ซึ่งสวนทางกับผลสำรวจของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดยรวมของยูโรโซนในเดือนส.ค. กลับแย่ลง
ด้านราคาสินค้าที่ผู้ผลิตเรียกเก็บมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย