ผลสำรวจจาก S&P Global ที่เผยแพร่ในวันนี้ (3 ก.ย.) ระบุว่า ยอดธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ช่วยให้ภาคบริการของสหราชอาณาจักร (UK) เติบโตในอัตราสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปีในเดือนส.ค. หลังจากความกังวลเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทต่าง ๆ ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีการปรับขึ้นภาษีภายในประเทศ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของ UK ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 ที่ 54.2 ในเดือนส.ค. จาก 51.8 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.6
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของ UK ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 53.5 ในเดือนส.ค. จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.0
สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญคือ ดัชนีธุรกิจใหม่ในภาคบริการที่ขยายตัวในเดือนเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 สะท้อนถึงอุปสงค์ผู้บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นและการส่งออกที่กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ขณะเดียวกัน ความคาดหวังต่อปริมาณธุรกิจในอนาคตก็ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงและความกังวลเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่คลี่คลายลง
ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ รายงานว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน และยังคงเดินหน้าลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 แล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ยุควิกฤตเศรษฐกิจปี 2551-2553 หากไม่นับรวมช่วงการระบาดของโควิด-19