S&P Global เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (23 ก.ย.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของเยอรมนีจาก HCOB ขยับขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 52.4 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 50.5 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.6
ตัวเลขดังกล่าวทำให้ดัชนี PMI รวมของเยอรมนีอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตในเดือนนี้มาจากภาคบริการ โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นพุ่งขึ้นสู่ระดับ 52.5 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตกลับส่งสัญญาณน่าเป็นห่วง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นหดตัวลงสู่ระดับ 48.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
แม้ภาพรวมจะดูดี แต่ผลสำรวจพบสัญญาณเตือนสำคัญ เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลงทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ สะท้อนให้เห็นว่าอุปสงค์โดยรวมยังคงเปราะบาง
ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ให้ความเห็นว่า "ปัญหาดูเหมือนจะเริ่มก่อตัวขึ้นในภาคการผลิต หากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศยังคงลดลง อีกไม่นานบริษัทต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องชะลอการผลิตลงด้วย"
นอกจากนี้ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มกลับมาสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการที่ต้นทุนและราคาผลผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบหลายเดือน
เดอ ลา รูเบีย เตือนว่ายังไม่ควรชะล่าใจ เพราะยอดคำสั่งซื้อกำลังถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงอีกครั้งในไม่ช้า เขายังชี้ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อแนวโน้มหนึ่งปีข้างหน้าก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจซบเซาและต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูง