S&P Global ได้เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (24 ก.ย.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่นขั้นต้นร่วงลงแตะระดับ 48.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 49.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับภาคบริการที่ยังคงเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่าดัชนีผลผลิตภาคการผลิตและดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ต่างปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนและ 5 เดือนตามลำดับ
บริษัทผู้ผลิตบางรายให้เหตุผลว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงเป็นผลมาจากนโยบายการจัดการสินค้าคงคลังที่ระมัดระวังมากขึ้น ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณการผลิต อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกเล็กน้อย เมื่อยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนส.ค. ซึ่งเคยดิ่งลงไปทำสถิติต่ำสุดในรอบ 17 เดือน
ภาคการผลิตยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อแรงกดดันด้านต้นทุนเริ่มผ่อนคลายลง โดยอัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนวัตถุดิบชะลอตัวลงสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อด้านราคาขายจะเร่งตัวขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ภาคบริการกลับมีทิศทางที่สดใสกว่ามาก โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 53.0 แม้จะลดลงเล็กน้อยจาก 53.1 ในเดือนส.ค. แต่ยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ภาคบริการได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง แม้จะเผชิญความท้าทายจากยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกที่ลดลง นอกจากนี้ การจ้างงานในภาคบริการยังปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ช่วยพยุงตลาดแรงงานโดยรวม ในขณะที่การจ้างงานภาคการผลิตกลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปีที่แล้ว
การหดตัวของภาคการผลิตได้ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจลง ส่งผลให้ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ย. จากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 52.0 ในเดือนส.ค. สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.