ผลสำรวจซึ่งเปิดเผยในวันนี้ (1 ต.ค.) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายยูโรโซนของ HCOB ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global นั้น ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 50.7 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขในเดือนส.ค. นั้นถือเป็นการขยับขึ้นมายืนเหนือระดับ 50.0 อันเป็นตัวบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ได้เป็นครั้งแรกนับแต่กลางปี 2565
ส่วนดัชนี PMI ในเดือนก.ย. นั้น ชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคการผลิตของกลุ่มประเทศยูโรโซนได้ถดถอยกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้ง ด้วยเหตุว่ายอดคำสั่งซื้อใหม่นั้นทรุดตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีตลาดส่งออกเป็นปัจจัยฉุดรั้งสำคัญ
แม้ผลผลิตภาคโรงงานจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมี.ค. ทว่าอัตราการเติบโตในกลับชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ คือ ดัชนีได้ลดระดับลงจาก 52.5 ในเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 50.9 ในเดือนก.ย.
สภาวะการจ้างงานทรุดหนักลงยิ่งขึ้น เมื่อบรรดาผู้ผลิตลดคนงานในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน ขณะเดียวกัน ก็สามารถสะสางงานค้างส่ง (backlog) ได้มากขึ้น โดยปริมาณงานคงค้างลดลงมากที่สุดนับแต่เดือนมิ.ย.
ผลสำรวจยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงความแตกต่างที่ปรากฏขึ้นภายในกลุ่มยูโรโซนเอง กล่าวคือ เนเธอร์แลนด์กลับเป็นผู้นำการขยายตัวอย่างโดดเด่น สู่ระดับสูงสุดในรอบ 38 เดือน เช่นเดียวกับกรีซ ไอร์แลนด์ และสเปน ที่ยังคงเติบโตต่อไปได้ ในทางกลับกัน 3 ชาติเศรษฐกิจเสาหลักของกลุ่ม อันได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี กลับต้องเผชิญหน้ากับภาวะหดตัวโดยพร้อมเพรียงกัน
ส่วนต้นทุนการผลิตนั้นได้ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. แม้จะเป็นการลดลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม ขณะที่บรรดาผู้ผลิตก็ได้ปรับลดราคาขายสินค้าลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
สำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจนั้น แม้จะยังมองโลกในแง่ดีอยู่บ้าง แต่ก็อ่อนกำลังลงสู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอีกด้วย